หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 290

ในเมื่อลูกของกันยายังมีชีวิตอยู่ ทำไมหลายปีนี้ไม่เคยเห็นกันยาไปหาเธอเลย กันยาทำไมถึงไม่ยอมรักษาโรคของตัวเอง และก็ไม่ยอมให้ตนเองไปตามหาลูกของเธอด้วย สาริศารู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรซ่อนอยู่ในนี้แน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับภูมิหลังของตนเอง

เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วย เธอคิดแต่ว่าต้องถามหาเบาะแสของลูกกันยาให้ได้ จะได้ทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุด แต่กลับลืมถามกันยาไปว่า ตอนแรกอุ้มเธอมาจากที่ไหน ภูมิหลังของตัวเองเป็นยังไง

สาริศาที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองไม่รู้ตัวว่าตนเองเดินออกจากโรงพยาบาลแล้ว เดินมาตรงข้ามทางเดิน ไม่ได้มองทาง และก็ไม่ได้มองเห็นว่าเป็นไฟแดง สาริศาก้มหน้าก้มตาเดินไปข้างหน้า

“ปี้น ! ปี้น !……” เสียงดังของแตรและเสียงเบรกรถดังขึ้น ดึงสาริศากลับมาจากภวังค์ความคิดของตนเอง พอเงยหน้าขึ้นมา สาริศาก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก รถเก๋งคันเล็กจอดอยู่ตรงหน้าตัวเอง

“ทำบ้าอะไรของคุณ! ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย อยากตายหรือไง!” เกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว คนขับตะโกนใส่สาริศาด้วยความโมโหออกจากทางหน้าต่างรถ

“ขอโทษค่ะขอโทษ……” สาริศาที่ตั้งสติกลับมาได้รีบขอโทษไม่หยุด ถอยกลับมาข้างทางทันที

“ต่อไปเดินระวังหน่อย!” ทิ้งท้ายอย่างโมโหหนึ่งประโยค คนขับรถจึงขับรถจากไป

ตบหน้าอกตัวเองด้วยความตื่นตระหนกตกใจ โชคดีที่สาริศาไม่ได้ถูกชน ตอนนี้สาริศาจึงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไปทันทีด้วยความตกใจ

ลูก! ทำไมเธอถึงลืมไปว่าตอนนี้ตนเองท้องแล้ว!

เอามือกุมท้องด้วยความตื่นตระหนก สาริศาด่าตัวเองในใจ เรื่องแบบนี้ทำไมถึงได้ลืมได้นะ ถ้าหากถูกรถชน ลูกเป็นอันตรายไป จะทำยังไง เธอไร้คุณสมบัติความเป็นแม่จริงๆ

ไม่กล้าเดินสะเปะสะปะบนถนนอีก สาริศายื่นมือออกมาเรียกรถแท็กซี่ บอกที่อยู่บ้านตัวเองกับคนขับ

ตอนที่มาถึงบ้าน สาริศารู้สึกว่าร่างกายและจิตใจตัวเองเหนื่อยล้าจนไหว ทิ้งตัวเองลงบนโซฟา สาริศาหลับตานึกถึงเรื่องราวในวันนี้ รู้สึกว่าในหัวนั้นยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด ในใจเองก็สับสนมาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

สาริศาสะบัดหัวไปมา ลืมตา เหลือบไปเห็นกระเป๋าเอกสารของธนพัตวางอยู่บนโซฟาอย่างไม่ตั้งใจ ธนพัตกลับมาแล้วเหรอ

หันหน้าไปมอง สาริศาก็มองเห็นเสื้อคลุมสูทของธนพัตแขวนอยู่บนราวจริงๆ ราวกับว่าหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้ สาริศาลุกขึ้นรีบขึ้นไปที่ห้องหนังสือชั้นบน

เมื่อมาถึงประตูห้องหนังสือ สาริศามองเห็นธนพัตกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่หน้าโต๊ะ

พอเห็นธนพัต น้ำตาของสาริศาก็ร่วงลงมา วันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเหลือเกินจริงๆ ตอนนี้มองเห็นธนพัต ในที่สุดหัวใจของตนเองก็สงบเย็นลงมาบ้าง

ธนพัตเองก็สังเกตเห็นสาริศาที่ยืนอยู่ตรงประตู พอเห็นเธอร้องไห้ ธนพัตก็รีบลุกเดินไปหาเธอทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ธนพัต……ฮือๆ……” สาริศาพุ่งเข้าหาอ้อมกอดของธนพัตร้องไห้โฮออกมา

ธนพัตรู้ว่าวันนี้สาริศาไปที่โรงพยาบาลมา เห็นท่าทางของสาริศา ก็พอจะเดาได้ว่าอาการของกันยาคงจะไม่สู้ดีนัก ธนพัตลูบศีรษะสาริศาเบาๆ พูดว่า “แม่มีเรื่องอะไรเหรอ”

“อืม” สาริศาพยายามพยักหน้าในอ้อมกอดของธนพัต

ธนพัตผละออกจากสาริศาเบาๆ ลากเธอเดินมานั่งบนโซฟา

“คุณหยุดร้องก่อน ค่อยๆบอกผม” ธนพัตหยิบกระดาษทิชชู่ข้างมา ช่วยสาริศาเช็ดน้ำตา

เมื่ออารมณ์ของตนเองสงบลงแล้ว สาริศาก็พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “คุณหมอบอกว่าไขกระดูกของฉันกับแม่เข้ากันไม่ได้ ไม่สามารถบริจาคไขกระดูกให้แม่ได้ค่ะ”

ความจริงแล้วสถานการณ์แบบนี้ธนพัตก็พอจะคาดเดาได้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นตอนที่เขารู้อาการป่วยของกันยาก็เริ่มหาผู้บริจาคไขกระดูกที่เหมาะสมจากช่องทางอื่นเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเท่านั้น

“ไม่เป็นไร ผมหาจากคนอื่นแล้ว เชื่อว่าไม่นานก็จะหาเจอ คุณอย่าเพิ่งใจร้อนนะ” ธนพัตปลอบสาริศาเบาๆ

“อืม” สาริศาพยักหน้า มองธนพัตด้วยความซาบซึ้ง แต่เมื่อนึกถึงผลตรวจ น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอีก “แล้วก็ คุณหมอบอกว่า……บอกว่าDNAของฉันกับแม่ไม่เหมือนกัน ฉันไม่ใช่ลูกของแม่ค่ะ”

ได้ยินคำพูดของสาริศา ธนพัตเองก็ตกใจเล็กน้อย “ทำไมคุณจะไม่ใช่ลูกสาวของแม่ล่ะ”

“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ ก็เลยไป……ถามแม่” พูดมาถึงตรงนี้ สาริศาก็ร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจยิ่งขึ้น “ธนพัต ฉันไม่ใช่ลูกของแม่จริงๆ”

ธนพัตรีบดึงสาริศาเข้ามากอด ไม่รู้ว่าจะเอาคำพูดอะไรมาปลอบใจเธอดีไปชั่วขณะ

“ก่อนหน้านี้ที่ตรวจ ผลตรวจก็บ่งชี้ว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวของสุวิทย์ ตอนนี้ผลตรวจก็บอกว่าฉันไม่ใช่ลูกของแม่อีก ธนพัต ฉันไม่มีญาติบนโลกใบนี้อีกแล้ว ฉันควรจะทำยังไงดี” สาริศาร้องไห้อย่างสิ้นหวังในอ้อมกอดธนพัต

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง” ธนพัตลูบหลังสาริศาด้วยความสงสาร “คุณยังมีผม ผมเป็นสามีคุณ แน่นอนว่าเป็นญาติของคุณ คุณวางใจเถอะ ผมจะอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต”

“จริงเหรอ” สาริศาเงยหน้าขึ้นมา มองธนพัตด้วยน้ำตานองหน้า “คุณจะอยู่เคียงข้างฉันไปตลอดชีวิตเหรอคะ”

“แน่นอน” ธนพัตมองสาริศาพลางเอ่ยอย่างลึกซึ้งว่า “ผมรักคุณ ผมจะอยู่กับคุณไปชั่วนิรันดร์”

เธอถูกดึงดูดด้วยสายตาที่เปิดเผยความรู้สึกของธนพัต สาริศามองธนพัตอย่างตกตะลึง ซาบซึ้งจนพูดไม่ออก

ธนพัตประทับรอยจูบบนหน้าผากสาริศาเบาๆ ธนพัตเอาเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดใหม่อีกครั้ง “ดังนั้น คุณอย่าคิดมาก ผมรับรองว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”

ได้ยินคำพูดของธนพัต ในที่สุดหัวใจของสาริศาก็ค่อยสงบเย็นลง น้ำตาก็หยุดไหล อิงแอบอยู่ในอ้อมอกธนพัต สาริศาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเขา ในใจคิดว่า ธนพัตพูดถูก ตนเองไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ตนเองยังมีเขาอยู่

ทันใดนั้น สาริศาก็นึกขึ้นได้ว่า ตนเองไม่ได้มีเพียงธนพัต ตอนนี้ยังมีลูกของพวกเขาด้วย ในที่สุดตนเองก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์

คิดมาถึงตรงนี้ สาริศาเงยหน้ามองธนพัต มีความตื่นเต้นน้อยๆอยู่ในแววตา “ธนพัต ฉันยังมีข่าวดีจะบอกคุณด้วย”

“หืม?” เห็นสาริศาที่เมื่อครู่ยังร้องไห้เศร้าเสียใจตอนนี้กลับมองตนเองด้วยรอยยิ้ม ธนพัตก็งุนงงเล็กน้อย

“ฉันท้องแล้ว” สาริศาพูดอย่างมีความสุข “ธนพัต ในที่สุดพวกเราก็มีลูกแล้ว”

ตอนแรกสาริศาคิดว่าตนเองคงจะได้เห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของธนพัต เพราะครั้งก่อนที่ธนพัตรู้ว่าตนเองท้องเขายังตื่นเต้นดีใจขนาดนั้น

แต่เธอคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ธนพัตได้ยิน ไม่เพียงไม่แสดงท่าทีดีใจออกมา สีหน้ากลับเคร่งเครียด มองเธอด้วยแววตาสับสนเล็กน้อยแฝงด้วยความรู้สึกที่ตนไม่เข้าใจ

“ทำไมเหรอ” เห็นท่าทีของธนพัตแล้ว สาริศาไม่พอใจ และไม่เข้าใจเล็กน้อย “หรือว่าคุณไม่ดีใจที่พวกเราจะมีลูก”

ธนพัตอ้าปาก ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับสาริศาอย่างไรดี ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย เด็กคนนี้เป็นลูกของเขากับสาริศาจริงเหรอ

สุดท้าย ธนพัตมองสาริศาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางถามว่า “เด็กมีอายุเท่าไหร่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ