หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 292

สาริศาร้องไห้จนผล็อยหลับไป ตอนที่ตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นก็พบว่าตอนเองนอนอยู่ในผ้าห่มอย่างดี คิดว่าน่าจะเป็นธนพัตเข้ามาช่วยห่มผ้าให้เธอ

แต่สาริศาไม่เห็นตัวธนพัต ทว่าแบบนี้ก็ดี ตอนนี้เธอไม่อยากเจอเขา

หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ สาริศาก็ลงมากินข้าวชั้นล่าง ตอนแรกคิดว่าธนพัตออกจากบ้านไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่โต๊ะอาหาร

สาริศายืนอยู่กับที่ คิดว่าจะหันหน้าแล้วเดินไปเลย หรือว่านั่งลงกินข้าวดี

“ริศา คุณตื่นแล้วเหรอ” ธนพัตเองก็สังเกตเห็นการมาถึงของสาริศา พูดกับเธอด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่นัก “รีบมากินข้าวเถอะ”

ในเมื่อธนพัตเอ่ยปากแล้ว สาริศาได้แต่เดินไปที่โต๊ะอาหาร ไม่ได้นั่งข้างธนพัตหรือฝั่งตรงข้ามอย่างที่ผ่านมา สาริศาเลือกนั่งที่นั่งห่างออกไปจากธนพัตเล็กน้อย

ธนพัตเองก็รู้ว่าสาริศาโกรธตัวเองอยู่ เมื่อคืนตอนเขากลับมาที่ห้องนอน พบว่าสาริศาหลับไปแล้ว หลังจากช่วยจัดท่านอนเธอให้ดี ห่มผ้าให้เธอแล้ว ในตอนแรกธนพัตก็คิดจะนอนข้างๆเธอ แต่เมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนทะเลาะกันธนพัตจึงหมุนตัวไปนอนที่ห้องรับแขก

ธนพัตนอนไม่หลับตลอดคืน มัวแต่คิดหาวิธีเกลี้ยกล่อมสาริศา แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว

ถ้าสาริศาคิดว่าเธอตั้งท้องลูกของพวกเขา เช่นนั้นเขาจะเกลี้ยกล่อมเธอให้เอาเด็กออกอย่างไรกัน ครั้งแรกที่ธนพัตรู้สึกว่าตนเองโง่เขลา

ลังเลอยู่พักหนึ่งธนพัตมองสาริศาที่นั่งอยู่ห่างจากเขา ก้มหน้าก้มตากินข้าวพลางพูดว่า “ริศา เรื่องนั้นที่เราปรึกษากันเมื่อคืน ผม……”

ได้ยินว่าธนพัตยังพูดถึงเรื่องนั้น สาริศาจับตะเกียบในมือแน่น จนนิ้วมือขาวซีด เขาใจร้ายจะให้ตนเองเอาเด็กคนนี้ออกให้ได้เลยใช่มั้ย

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ธนพัตพูดว่า“ริศา คุณก็เชื่อฟังที่ผมพูด อย่าดื้อรั้นได้มั้ย พวกเราเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้จริง”

“ฉันดื้อรั้นหรอ!” สาริศาสะกดกลั้นความโกรธในใจไม่ไหวแล้ว ปลดปล่อยออกมาทันที “ธนพัต นี่เป็นลูกของพวกเราสองคนนะ ต่อให้ไม่ใช่ เขาก็เป็นชีวิตหนึ่ง ทำไมคุณถึงใจร้ายจะเอาเขาออก!ตอนนี้คุณยังหาว่าฉันดื้อรั้น!”

ได้ยินคำพูดของสาริศา จู่ๆธนพัตที่มีสีหน้าอ่อนโยนในตอนแรกก็เย็นเยือกลง “แม้ว่าคุณจะไม่ได้ตั้งท้องลูกของเรา คุณก็ยืนกรานว่าจะคลอดเขาให้ได้ใช่มั้ย”

“คุณหมายความว่าอะไร” สาริศาตกใจในคำพูดของธนพัต “ทำไมฉันจะไม่ได้ท้องลูกของพวกเราตกลงว่าคุณคิดจะพูดอะไรกันแน่!”

ธนพัตกลับนิ่งเงียบ เม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร แผ่รังสีความเย็นเยือกไปทั่วทั้งร่าง

สาริศาคิดว่าธนพัตพูดด้วยความโมโห จึงไม่ได้คิดอะไรมาก “ธนพัต ฉันจะบอกคุณนะ นี่คือลูกของฉัน ฉันจะไม่มีทางยอมให้ใครทำร้ายเขาเด็ดขาด”

ธนพัตไม่ได้เอ่ยปากตอบโต้อะไรสาริศา ห้องอาหารตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะ ความโกรธเคืองไหลเวียนอยู่ระหว่างคนสองคน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมถอย

“เด็กคนนี้จำเป็นต้องเอาออก” หลังจากนั้นพักใหญ่ ธนพัตก็พูดประโยคนี้ออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหาร พร้อมหยิบกระเป๋าเอกสารเดินไปทางประตู

ทะเลาะกันแบบนี้ต่อไปไม่ใช่เรื่องดีแน่ กลัวว่าสาริศาจะไม่ยอมฟังตัวเอง ไปโรงพยาบาลเพื่อเอาเด็กออก หรือว่ารอให้ทั้งสองคนใจเย็นลงก่อน เขาต้องคิดหาวิธีอื่นถึงจะได้

“เพล้ง!” สาริศาปัดชามตรงหน้าลงบนพื้นอย่างแรง น้ำตาไหลนองหน้าทันที

พอนึกถึงคำพูดสุดท้ายของธนพัต สาริศาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เพื่อกำจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นการเริ่มต้นใหม่ของเขากับพชิรา ธนพัตถึงขั้นใจร้ายทำลายลูกตัวเองได้ลงคอเลยเหรอ

หลังจากปลดปล่อยความโกรธของตนเองแล้ว สาริศาก็ค่อยๆนั่งลงอย่างใจเย็น

ถ้าธนพัตยังยืนกรานที่จะให้ตนเองเอาลูกออก งั้นตนเองจะยังสามารถคลอดลูกคนนี้ได้อย่างราบรื่นเหรอ

เมื่อนึกถึงพลังอำนาจของธนพัตและวิธีการลงโทษไรยาในตอนแรงของเขา สาริศาก็รู้สึกหวาดกลัว เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้ ตนเองต้องรีบหาวิธีที่จะทำให้ธนพัตหยุดความคิดไปให้ได้

สาริศาพยายามระดมความคิดในหัวสมองค้นหาคนที่สามารถช่วยตนเองได้ ใช่แล้ว คุณปู่! สุดท้ายสาริศาก็คิดออกแล้วว่าจะไปหาใครช่วยดี

คุณปู่บ่นอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่จะได้อุ้มเหลน ถ้ารู้ว่าธนพัตจะเอาลูกคนนี้ออก คุณปู่ต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน

คิดมาถึงตรงนี้ สาริศาก็มองเห็นความหวัง เธอไม่มีเวลามาสนใจที่จะเก็บกวาดตะเกียบกับชามที่ตนเองปัดลงพื้น หยิบกระเป๋าและออกจากบ้านเลย

ตอนที่มาถึงคฤหาสน์ตระกูลกีรติเมธานนท์ สาริศาเห็นคุณปู่เพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จ กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนพอดี

“ริศา เธอไม่ได้มาเยี่ยมปู่นานแล้วนะ” เห็นสาริศาเดินมา ท่านประเสริฐก็พูดด้วยรอยยิ้มมีความสุข

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดกับสาริศาก่อนหน้านี้ สายตาที่ท่านประเสริฐมองมายังเธอเต็มไปด้วยความสงสาร จะพูดอย่างไรก็คือตระกูลกีรติเมธานนท์ทำผิดต่อเด็กคนนี้

“คุณปู่คะ” สาริศารีบเดินเข้าไปดึงแขนเสื้อของท่านประเสริฐไว้ น้ำเสียงแฝงด้วยความสะอื้น “หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณปู่ค่ะ”

เห็นท่าทางสาริศารีบร้อน ท่านประเสริฐก็มีสีหน้าเคร่งเครียด “ได้ พวกเราเข้าไปคุยกันในบ้าน”

“ค่ะ” สาริศาเดิตามท่านประเสริฐไปที่ห้องหนังสือของเขา

“ริศา ตกลงมีเรื่องอะไร” หลังจากปิดหนังสือ ท่านประเสริฐมองสาริศาพลางเอ่ยถาม

“คุณปู่คะ หนูตั้งท้องแล้วค่ะ แต่ว่า……” สาริศาพูดพลางสะอึกสะอื้น “แต่ธนพัตเขา……ไม่ว่ายังไงเขาก็จะเอาเด็กคนนี้ออกให้ได้ค่ะ”

“เธอท้องแล้วเหรอ!” ได้ยินข่าวนี้ ท่านประเสริฐก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที

“อืม” สาริศาร้องไห้พลางพยักหน้า ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของท่านประเสริฐ “คุณปู่ ช่วยหนูพูดกับธนพัตหน่อยนะคะ หนูอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้ค่ะ”

“เด็กคนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” ไม่ได้สนใจคำพูดของสาริศา ท่านประเสริฐรีบถามคำถามที่ตนเองเป็นกังวลที่สุด

พอได้ยินคำถามของท่านประเสริฐ สาริศาก็รู้สึกแปลกๆ ทำไมธนพัตกับคุณปู่หลังจากรู้ว่าตนเองท้อง คำถามแรกที่ถามก็คือเด็กอายุครรภ์เท่าไหร่แล้ว

แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พูดพลางสะอื้นว่า “คุณหมอบอกว่าหนึ่งเดือนแล้วค่ะ”

หนึ่งเดือน! ได้ยินคำตอบของสาริศา สีหน้าของท่านประเสริฐก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ขึ้นมา หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้เป็นวันที่สาริศาโดนจับตัวไปพอดีไม่ใช่เหรอ งั้นเด็กคนนี้ก็เกิดขึ้นจากตอนนั้น

มิน่าเล่าธนพัตไม่ต้องการเด็กคนนี้ สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งจริงๆ ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ จะต้องตั้งท้องเด็กในตอนนั้นให้ได้เลยนะ

เห็นสายตาที่ท่านประเสริฐมองมายังตนเองด้วยแววตาที่สับสน สาริศาก็รู้สึกคุ้นตามาก

เมื่อวานหลังจากที่รู้ว่าตนเองตั้งท้อง ธนพัตเองก็ใช้แววตาแบบนี้มองตนเอง ในใจเธอเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างขึ้น คุณปู่คงไม่ได้จะพูดประโยคนั้นเหมือนกันหรอกนะ

“ริศา เด็กคนนี้เอาไว้ไม่ได้” ท่านประเสริฐสีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ เกลี้ยกล่อมให้สาริศาเอาเด็กออก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โหดร้ายมากจริงๆ “เธอก็เชื่อฟังที่ธนพัตบอก ไปเอาเด็กคนนี้ออกเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ