“ไม่ง่ายเลยนะคะที่คุณบุรินทร์ยังจำฉันได้ เราไม่ได้เจอกันห้าปีแล้วใช่ไหมคะเนี่ย” สาริศาตอบพร้อมกับยิ้มเยือกเย็น “แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนนามสกุลเป็นนิธิธราสกุลแล้วนะคะ อีกอย่าง ทำไมคุณเห็นหน้าฉันแล้วต้องตกใจขนาดนี้ รู้สึกผิดขึ้นมาเหรอคะ”
ก่อนหน้านี้บุรินทร์ก็ได้ยินมาว่าสาริศากลับประเทศมาแล้ว แถมยังกลายเป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลนิธิราสกุลแล้วด้วย เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก ยังไงสาริศาก็หย่ากับธนพัตไปแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องของเธออีก
ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีกในสถานการณ์แบบนี้ เธอควรทำงานที่นิธิธราสกุลกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ มาทำงานที่สำนักพิมพ์ได้ยังไง
แล้วเธอหมายความว่ายังไงที่ว่า "รู้สึกผิด" หรือเธอจะรู้แล้วว่าตอนนั้นเขาเองที่ร่วมมือกับพชิราลักพาตัวเธอ
ตอนนั้นเองบุรินทร์ก็ค่อนข้างระแวง การสัมภาษณ์ครั้งนี้มีเป้าหมายอื่นหรือเปล่านะ
“คุณสาริศาพูดอะไรเนี่ย เราเคยเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมจะลืมได้ยังไง แล้วทำไมผมต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะ” บุรินทร์ทำงานในแวดวงธุรกิจมานาน การแสดงสีหน้าท่าทางเป็นเลิศ “เชิญนั่งก่อนครับ”
เธอเหลือบมองที่บุรินทร์ด้วยท่าทีประชดประชัน สาริศาไม่ได้อะไรมากนัก นั่งลงบนโซฟาข้างๆ ทันที บุรินทร์ก็นั่งอยู่ตรงข้าม
เมื่อมองดูสาริศาใกล้ๆ บุรินทร์ก็พบว่าอดีตเมียน้องชายคนนี้สวยขึ้นมาก
ผมยาวสลวย ใบหน้าที่สวยงาม ชุดจั้มสูทที่ดูคล่องแคล่ว ดูใจกว้างและสง่างาม เขาประหลาดใจตั้งแต่เธอเข้ามาที่ประตูครั้งแรก ไม่กล้าเชื่อสายตาไปอยู่แวบหนึ่ง
แปลกมาก ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนสวยเลย ตอนที่รู้ครั้งแรกว่าธนพัตเลือกแต่งงานกับคนแบบนี้ เขาก็ยังแอบหัวเราะเยาะ สาวขี้เหร่หนุ่มพิการช่างเข้ากันดี
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นสาวสวยแบบนี้
ถ้าเอาพชิราเมื่อก่อนเทียบกับสาริศาตอนนี้ก็น่าจะเสมอกันได้แหละมั้งนะ
เมื่อเห็นบุรินทร์จ้องมองตนเอง สาริศารู้สึกคลื่นไส้ พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณบุรินทร์คะ เราเริ่มสัมภาษณ์กันเลยไหม”
“ได้สิครับ” ละสายตาออกมา บุรินทร์นั่งตัวตรง และยังคงมองที่สาริศาอย่างระแวดระวังอยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่าเมย์กับเรย์เตรียมตัวพร้อมแล้ว สาริศาก็เริ่มถามว่า “ขอถามคุณบุรินทร์หน่อยนะคะ ว่าได้กำหนดเวลาเปิดโรงแรมที่แน่นอนแล้วหรือยัง ความคืบหน้าการเตรียมการในปัจจุบันเป็นยังไงบ้างแล้วคะ”
บุรินทร์ยิ้มอย่างภูมิใจ “โรงแรมของเรามีกำหนดก่อสร้างประมาณปลายเดือนกันยายนปีนี้ ขณะนี้ทีมงานก่อสร้างกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ตามแบบพิมพ์เขียวที่วางไว้ เรามั่นใจว่าโรงแรมที่สร้างโดยกีรติเมธานนท์กรุ๊ปแห่งนี้ จะเป็นสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดและมีอุปกรณ์ครบครันที่สุดในเมือง S และจะกลายเป็นแลนด์มาร์คของเมือง S ในอนาคต”
“จริงเหรอคะ แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นโรงแรมนี้หรือเปล่า” สาริศาพูดหลังได้ฟังอย่างเย้ยหยัน
“คุณสาริศาหมายความว่าไง” บุรินทร์พยายามระงับความโกรธ
สาริศาคนช่างไม่รู้บุญคุณ เขาให้โอกาสสัมภาษณ์กับสำนักพิมพ์ของพวกเธอ แต่เธอกลับทำเก่ง นี่แช่งเขาอยู่เหรอ
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่พูดไปงั้นแหล่ะค่ะ” สาริศายิ้มแล้วถามต่อว่า “ถึงแม้กีรติเมธานนท์กรุ๊ปจะค่อนข้างทรงอิทธิพล แต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่ก้าวเข้าสู่การพัฒนาโรงแรม ในเรื่องการโหษณา ไม่ทราบว่ากีรติเมธษนนท์มีแผนการส่งเสริมการเป็นที่รู้จักยังไงบ้างคะ"
"ทีมเตรียมการของเราได้โปรโมตโรงแรมผ่านการสื่อมีเดีย การเข้าชมการขาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และยังมีกิจกรรมการกุศลที่ใช้เป็นการโฆษณาโรงแรมด้วย"
รอยยิ้มบนหน้าบุรินทร์แทบจะไม่เหลือแล้ว แต่เขายังคงพยายามทำให้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันเขาก็คอยเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าตอนนี้เขาไม่ได้เผชิญหน้าอยู่กับสาริศาแต่เป็นสื่อ ดังนั้นเขาจึงต้องระวังภาพลักษณ์
“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าคนอย่างคุณบุรินทร์จะจัดกิจกรรมการกุศล ฉันคิดว่าคุณบุรินทร์จะถนัดแต่ทำเรื่องสกปรกอย่างๆลับไม่ให้ใครรู้” สาริศาพูดไปตรงๆ ไม่ปิดบังอารมณ์ของตัวเองอีกต่อไป
เมื่อเผชิญหน้ากับการพูดประชดประชันสาริศาเรื่อยๆ บุรินทร์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะและตะโกนใส่เธอว่า “เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง เธอมาที่นี่เพราะอะไรกันแน่!”
แสดงต่อไปไม่ไหวแล้วหรอ สาริศาทำหน้าเยาะเย้ยหันหน้าแล้วพูดกับเมย์และเรย์ว่า "พวกเธอออกไปก่อนเถอะ คุณบุรินทร์กับฉันมีเรื่องต้องคุยกันลำพัง"
"พี่ริศา..." เมย์มอง ด้วยความเป็นห่วงสาริศา ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว
เธอมีส่วนร่วมในการตรวจสอบเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย เธอคงรู้ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก จะเป็นยังไงถ้าบุรินทร์อารมณ์เสียแล้วทำร้านพี่ริศาขึ้นมา
“ไม่เป็นไรหรอก ออกไปเถอะ” สาริศายิ้มให้เธออย่างมั่นใจ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมย์ก็พาเรย์ออกไปด้วยกัน บางทีริศาอาจมีอะไรจะพูดต่อหน้าเธอและเรย์ไม่ได้
เมื่อทั้งสำนักงานเหลือแค่พวกเขาสองคน สาริศาก็เลิกอ้อมค้อม ถามบุรินทร์ไปตรงๆว่า “ห้าปีก่อนเป็นคุณกับพชิราใช่ไหมที่ลักพาตัวฉัน ให้คนอื่นมาข่มขืนฉันด้วยใช่ไหม”
เป็นประโยคคำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
นัยน์ตาของสาริศาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ถ้าตัวเองไม่ได้เถูกเข้าใจผิดและถูกดูหมิ่นโดยบุรินทร์ พวกเธอจะกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ธีร์จะไม่มีพ่อตั้งแต่เกิดเลยได้ยังไง!
ไม่คิดเลยว่าสาริศาจะรู้เรื่องนี้จริงๆ บุรินทร์แสดงสีหน้าตื่นตระหนก “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของบุรินทร์ สาริศาก็หัวเราะในใจ เธอคิดอยู่แล้วว่าบุรินทร์คงไม่ยอมรับง่ายๆ
แต่ไม่เป็นไร เธอเตรียมการไว้แล้ว ไม่กลัวว่าไอ้คนหน้าไร้ยางจะไม่ยอมรับ!
“อะไรกัน กล้าทำไม่กล้ายอมรับงั้นเหรอ อย่าโทษฉันที่ต้องใช้ไม้แข็งนะ” น้ำเสียงของสาริศาเย็นชา
แต่บุรินทร์กลับหัวเราะคิกคักมองสาริศาอย่างดูถูก “ไม้แข็งอะไรกัน ไหนพูดมาให้ฟังหน่อยสิ ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าคุณจะทำอะไรผมได้”
เธอคิดจริงๆหรือว่าจะใช้การเป็นคุณหญิงตระกูลนิธิราสกุลมาขู่เขาได้ ฮึ่ม ขนาดชัชวาลเขาก็ไม่ได้!
เมื่อเผชิญหน้ากับบุรินทร์ที่เย่อหยิ่ง สาริศาไม่กลัว ก้มหน้าเปิดกระเป๋าหยิบเอกสารออกมาแล้วโยนไปข้างหน้าบุรินทร์ด้วยใบหน้าเยาะเย้ย
“คุณบุรินทร์ดูเอกสารพวกนี้ก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะยอมหรือไม่ยอมรับเถอะค่ะ”
เขามองสาริศาอย่างสงสัย บุรินทร์หยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาด้วยมือขวา มันคืออะไร หลังจากที่อ่านเนื้อหาข้างบนอย่างชัดเจนแล้ว บุรินทร์ก็ตกใจและโกรธขึ้นทันที
“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ