“เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงของพชิราหมดความอดทน “คุณอย่าลืมโทรศัพท์บอกข่าวดีนี้ให้กับสาริศา ฉันไปหาคุณหมอก่อน”
เมื่อกล่าวจบพชิราก็อยากจะเข็นรถเข็นจากไป แต่กลับถูกกันยารั้งไว้
“หนูเพชร ทำไมต้องบอกเรื่องนี้ให้กับริศา อีกอย่าง หนูเองก็ไม่สะดวก ให้น้าเข็นหนูไปหาคุณหมอนะ”
“ทำไมต้องมีปัญหามากมายอย่างนี้ ให้คุณบอกเธอ คุณก็ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว!” พชิรายังคงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ จึงตะคอกใส่กันยา
“หนูเพชรอย่าโกรธนะ น้าผิดไปแล้ว น้าไม่ควรถามมากไป น้าไม่ถามแล้ว หนูอย่าโกรธนะ” เมื่อเห็นพชิราโกรธ กันยาก็รีบปลอบอย่างรวดเร็ว
พชิราก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโห จึงได้ทำสีหน้าให้เย็นลงแล้วกล่าว
“ริศาเคยมาหาฉันแล้วได้พูดเรื่องนี้ ฉันแค่อยากจะบอกกับเธอสักหน่อย เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ร่างกายคุณไม่ดี พักผ่อนอยู่ในห้องผู้ป่วยเถอะ ฉันไปหาคุณหมอเองได้”
“ได้ค่ะๆ น้าเชื่อฟังหนู น้าจะโทรบอกริศาตอนนี้เลย หนูเองก็ต้องระวังตัวเองด้วย”
ได้ยินคำอธิบายจากพชิรา รอยยิ้มบนใบหน้าของกันยาหุบอย่างไรก็ไม่สามารถหุบได้ ลูกสาวของเธอยังคงสนใจเธอ เป็นห่วงเธอ
ตอบ“อืม” ไปคำหนึ่ง พชิราก็เข็นรถเข็นออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สนใจรอยยิ้มที่มีความสุขของกันยาที่อยู่ด้านหลัง
ทันทีที่ออกจากห้องผู้ป่วย พชิราก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก สีหน้าแสดงความรำคาญและรังเกียจอย่างไม่ปกปิด คนแบบนี้ชาตินี้เธอไม่มีทางยอมรับ ต่อให้เธอต้องตายก็จะไม่ยอมรับให้อับอายขายขี้หน้า
ริศาที่กำลังทำงานอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา เธอเห็นสายที่เข้ามาว่าเป็น “แม่”
สาริศารีบรับสายขึ้น นานมากแล้วที่กันยาไม่ได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง คิดว่าคงน่าจะมีเรื่องด่วนจึงได้โทรมาตัวเอง
“ริศา เป็นหนูที่ไปหาเพชรเหรอ วันนี้เธอมาหาแม่” เสียงดีใจของกันยาดังขึ้นจากปลายสาย “อีกทั้งเธอตกลงที่จะบริจาคไขกระดูกให้แม่แล้ว ขอบใจหนูมากจริง ๆ นะ”
“จริงเหรอคะ” สาริศารีบถาม พชิราจะใจดีเช่นนี้เหรอ
“จริง ๆ ตอนนี้เธอกำลังตรวจร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาล” กันยายิ้มแล้วกล่าว
พูดเช่นนี้แปลว่าไม่ใช่การแสดงแล้ว สาริศารู้สึกประหลาดใจมาก หรือว่าพชิราจะถูกคำพูดของตัวเองทำให้ใจอ่อน
“หนูจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ วางสายก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยโทรหาแม่อีกครั้ง” ยังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ สาริศารู้สึกว่าตัวเองไปดูที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองน่าเชื่อถือกว่า
“ได้ อย่างนั้นแม่จะรอโทรศัพท์จากหนูนะ” กันยาวางสายลงอย่างมีความสุข
หยิบกระเป๋าตัวเองมา จากนั้นสาริศาก็วิ่งลงจากตึก แล้วขับรถมาถึงที่โรงพยาบาลของกันยา
เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วยของกันยานั้น สาริศาเห็นห้องผู้ป่วยนั้นไม่มีคน จึงได้โทรศัพท์หากันยาเพื่อถามถึงสถานการณ์ เธอถึงได้รู้ว่าทั้งคู่กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจที่เกี่ยวข้อง
หลังจากสอบถามที่อยู่อย่างละเอียดแล้ว สาริศาก็วิ่งลงมาที่ห้องตรวจ ในที่สุดก็เห็นร่างของกันยากับพชิรา
“เป็นอย่างไรบ้าง” สาริศาถามอย่างหายใจหอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...