เธอกับไรยาเป็นพี่น้องต่างมารดาแต่พ่อคนเดียวกัน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ทั้งสองก็เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และพวกเธอก็เจอหน้ากันน้อยมาก ดังนั้นจึงไม่เรียกว่าเป็นพี่น้องกันที่สนิทสนมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเกิดเรื่องของธีภพ สาริศารู้สึกว่าไรยาไม่ทำท่าทีเสแสร้งเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงโทรมาหาในเวลานี้
“สาริศา” น้ำเสียงหวานเลี่ยนของไรยาดังมาตามสาย “ตอนรับโทรศัพท์ของฉัน ดูเหมือนเธอจะอารมณ์เสียมากเลยนะ?”
“ก็ไม่มีอะไรน่ายินดีไม่ใช่เหรอ” สาริศาขี้เกียจเกินกว่าจะเสแสร้งกับเธอ จึงพูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “ว่ามาเลย เธอมีธุระอะไร”
“ฉันโทรหาเธอ แน่นอนว่าต้องเป็นข่าวดี” ไรยาพูดเสียงหวานเลี่ยน “ฉันได้ยินมา ว่าน้ากันยาอาการดีขึ้นแล้ว?”
สาริศาเคร่งขรึมลง
เธอรู้เรื่องอาการของแม่อย่างชัดเจนขนาดนี้ได้ยังไง
“มีอะไร” น้ำเสียงของเธอเย็นชามาก
“โธ่พี่คะ พี่ไม่ต้องพูดแบบนี้สิคะ ยังไงซะ ฉันเองก็เป็นห่วงน้ากันยาเหมือนกันนะ” ไรยายังคงเสแสร้งพูดเสียงหวาน “ดังนั้นพอฉันได้ยินว่าค่ารักษาพยาบาลของน้ากันยาเพิ่มขึ้น ฉันก็เลยเป็นห่วงมาก กำลังคิดว่าต้องทำยังไงถึงจะช่วยพี่ได้”
ไรยาอยากจะช่วยเธอ?
สาริศายิ้มเยาะ “เธอจะช่วยฉันยังไง”
“ฉันมีเพื่อนที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง ที่บ้านเธอเปิดสำนักพิมพ์ ช่วงนี้กำลังขาดคน สวัสดิการที่ให้ก็ดีมาก” ในที่สุดไรยาก็พูดถึงจุดประสงค์ที่โทรมาสักที “ฉันก็รู้สึกว่า พี่มีความสามารถโดดเด่นขนาดนี้ ถ้าหากพี่ย้ายที่ทำงาน จะต้องได้รับรายได้ดีกว่าในตอนนี้”
สาริศาเข้าใจขึ้นมาทันที
พูดมาตั้งนาน ไรยาก็แค่ต้องการให้เธอลาออกจากFS Magazineนี่เอง
ส่วนสาเหตุนั้น มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นเพราะธีภพ
หลังจากรู้จุดประสงค์ของไรยาแล้ว สาริศาก็อดที่จะยิ้มเยาะไม่ได้ “ไรยา เธอกังวลเรื่องฉันกับธีภพมากเลยหรือไง”
สาริศาพูดออกไปตามตรง ไรยาที่อยู่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็หน้าซีดขึ้นมาทันที
เธอกัดริมฝีปากสีแดงของเธอแน่น แต่ก็ยังตอบเสียงหวาน “พี่คะ พี่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่กลับเคยขายตัวอย่างพี่ ฉันต้องกังวลอะไร”
สีหน้าของสาริศาแข็งทื่อ
ใช้น้ำเสียงที่อ่อนหวาน พูดคำพูดที่โหดร้ายและอำมหิตที่สุดออกมา สมกับเป็นสไตล์การพูดของไรยาจริงๆ
น้ำเสียงของสาริศาเริ่มเย็นชาลงอย่างควบคุมไม่ได้ “ไรยา ไม่ว่าเธอจะแนะนำงานให้ฉันด้วยความคิดแบบไหน ฉันก็ไม่คิดจะยอมรับ”
เธอรู้จักไรยาดีมาก เธอไม่มีทางเชื่อ ถ้าเธอย้ายไปทำงานที่สำนักพิมพ์นั่น แล้วเธอจะได้รับการตอบรับที่ดีจริงๆ น่ากลัวว่าเธอคงตกอยู่ในเงื้อมมือของไรยาจนดิ้นหนีไม่ได้แน่นอน
พอเห็นสาริศาปฏิเสธตัวเองออกมาตรงๆ สีหน้าของไรยาก็หุบยิ้มไปทันที น้ำเสียงของเธอจึงหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย “สาริศา! แกอย่ามาหน้าด้านหน้าทนนะ!”
“โธ่ แค่นี้ก็โมโหแล้วเหรอ” สาริศายิ้มเยาะ “วางใจได้ ฉันไม่รู้สึกอะไรกับธีรพแล้ว ดังนั้นเธอไม่ต้องคิดมาก”
ไรยาโมโหจนอยากจะกรีดร้องออกมา!
ไม่รู้สึกอะไรบ้าอะไร!
สาริศานังสารเลวคนนี้ เธอคิดว่าใช้แผนหลอกให้ตายใจ! จะเป็นแผนที่สูงส่งมากหรือไง
“สาริศา!” อุตส่าห์พูดถึงขนาดนี้แล้ว ไรยาก็ขี้เกียจจะเสแสร้งแกล้งทำต่อไปอีก “ฉันขอเตือน ลาออกจากสำนักพิมพ์ซะ ไม่เช่นนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
สาริศายิ้มเยาะ “ไม่เตือน ไรยา เธอจะทำอะไรกับฉันได้”
จะทำอะไรกับเธอได้อย่างนั้นเหรอ?
ไรยาที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ ริมฝีปากก็ยกยิ้มอย่างดุร้าย “ฉันจะทำให้เธอทุกข์ทรมานจนเรียกร้องขอความตาย”
น้ำเสียงของไรยายังหวานมาก แต่ในตอนนี้น้ำเสียงของเธอชั่วร้ายมาก ซึ่งทำให้สาริศาชะงักไปเล็กน้อย
แต่เธอก็รีบพูดอย่างหมดความอดทน “เธออยากทำอะไรก็ตามใจเถอะ ยังไงก็ตาม ฉันต้องการงานนี้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสามีของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...