“ริศา ไปล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วจ้ะ มาลองดูว่าฝีมือของแม่ถดถอยบ้างหรือเปล่า” กันยาอาจเป็นเพราะได้อยู่กับพชิราแล้วมีความสุขมาก ดังนั้นดังนั้นตอนนี้จึงดูอารมณ์ดีมาก พอลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหาร แล้วเห็นอาหารเต็มโต๊ะ สาริศาก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ทานอาหารฝีมือของกันยา
“ค่ะ” หลังจากตอบกลับไป สาริศาก็นั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร
“หนูเพชร หนูไม่ต้องยุ่งแล้ว มาทานข้าวเร็วๆ จ้ะ” หลังจากวางจานในมือลงบนโต๊ะอาหาร กันยาก็หันกลับไปทางห้องครัว แล้วพาพชิราออกไปข้างนอก
“คุณน้าคะ ฝีมือของคุณน้ายังดีเหมือนเดิมเลยค่ะ อาหารแต่ละจานกลิ่นหอมมาก!” พชิรามองที่กันยาและพูดออกมาอย่างเชื่อฟัง
“จริงเหรอจ๊ะ” กันยายิ้มอย่างรักใคร่และเอ็นดู “น้าจำได้ว่าหนูชอบอาหารที่น้าทำมากที่สุด ดังนั้นวันนี้ต้องทานเยอะๆ นะจ๊ะ”
“ค่ะ” พชิราพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่สดใส
พอเห็นการสนทนาที่ดูมีความสุขระหว่างสองแม่ลูกตรงหน้า สาริศาก็อดที่จะรู้สึกขมขื่นในใจไม่ได้ เธออยู่ที่นี่เป็นส่วนเกินจริงๆ เมื่อตะกี้เธอควรจะกลับไปเลย
สาริศาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเงียบๆ พยายามกลั้นน้ำตาของเธอไว้ ส่วนกันยายังคงให้ความสำคัญอยู่ที่พชิราคนเดียว ไม่ได้สังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของเธอเลย
“หนูเพชร ลองชิมผัดเห็ดหอมน้ำมันหอยดูจ้ะ แล้วก็ถั่วเขียวผัดหมูสับนี้ด้วย น้าจำได้ตอนเด็กหนูชอบอาหารพวกนี้มาก” กันยายังคงตักอาหารลงในชามของพชิราไม่หยุด จนไม่ช้าชามข้าวของพชิราก็ถูกเติมจนเต็มเท่าเนินเขา
“ขอบคุณค่ะน้ากันยา” พชิรากล่าวขอบคุณ แต่ในใจเธอเอาแต่บ่นว่ากันยา ด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับสาริศา ถ้าเธอตักอาหารให้ สาริศาจะต้องสงสัยแน่นอน ดังนั้นคนที่เหมาะสมที่สุด คือการขอให้กันยาเป็นคนตักให้สาริศา
แต่ทำไมเธอถึงตักอาหารให้ตนเองแค่คนเดียว การเกลี้ยกล่อมให้สาริศากินเนื้อตุ๋นถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด! ไม่อย่างนั้น แผนของเธอก็พังกันพอดี
“หนูเพชร ขอบคุณที่ช่วยชีวิตน้านะจ๊ะ ตอนที่หนูบริจาคไขกระดูกให้น้า หนู… หนูคงจะทรมานมาก เจ็บมากไหมจ๊ะ” กันยาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำและน้ำเสียงเริ่มสะอื้น
“ไม่เป็นไรค่ะ” พชิรารีบหยิบกระดาษทิชชูออกมายื่นให้กันยา “หนูไม่รู้สึกเจ็บเลย แล้วอีกอย่าง หนูช่วยคุณน้าเป็นเรื่องที่หนูควรทำอยู่แล้ว ตอนนี้คุณน้าหายดีแล้ว หนูก็สบายใจ”
“จะไม่เจ็บได้ยังไงกัน?” กันยาเช็ดน้ำตาของตัวเอง “น้าลองถามคุณหมอแล้ว หลังจากบริจาคไขกระดูกแล้วต้องพักรักษาตัวสองสามเดือน แต่ช่วงนี้หนูยังต้องมาดูแลน้าที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าร่างกายจะมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า”
พอได้ยินกันยาพูดแบบนี้ สาริศาก็อดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้ พชิราอยู่ดูแลเธอที่โรงพยาบาลมาตลอดอย่างนั้นเหรอ? เธอทำอะไรบ้างนอกจากแสร้งทำเป็นน่าสงสารทุกครั้งที่มา? คนที่เช็ดร่างกายให้คือตนเอง ซื้ออาหารให้คือตนเอง เทน้ำให้ก็ยังเป็นตนเอง แต่ท้ายที่สุด ในสายตาของกันยา พชิรากลับเป็นคนที่เหนื่อยที่สุด?
กันยายังคงพูดต่อด้วยดวงตาแดงก่ำ “ช่วงนี้หนูมาอยู่กับน้าก่อน น้าจะบำรุงร่างกายของหนู หนูยังสาว อีกทั้งสองขาก็ไม่สะดวก ถ้าร่างกายทิ้งโรคแทรกซ้อนไว้จะไม่ดี”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะระวังให้มากกว่านี้ ร่างกายของคุณน้าก็เพิ่งหายดี จำเป็นต้องได้รับการดูแล ถ้าหนูอยู่ที่นี่จะสร้างความลำบากให้คุณน้า และทำให้คุณน้าเหนื่อยเปล่าๆ” พชิรา ยกยิ้ม แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ ถ้าอยู่กับเธอ ตนเองคงขยะแขยงตายพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...