ยิ่งฟังคำพูดของกันยา สาริศายิ่งรู้สึกปวดใจ
พชิราวางแผนทำร้ายเธอแบบนี้ เธอก็แค่อยากจะปกป้องตัวเอง อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองก็เท่านั้น กันยากลับปวดอกปวดใจ ราวกับเธอทำเรื่องเลวร้ายกับพชิรายังไงอย่างนั้น
มันไม่ใช่ความผิดของเธอแท้ ๆ เธอไม่ได้อยากจะร้องขอให้กันยาเข้าข้างเธอ หรือสงสารเธอสักน้อย เธอแค่หวังว่ากันยาจะมองเรื่องราวระหว่างพวกเธอทั้งสองคนอย่างเป็นกลาง แต่ไม่ใช่เอาแต่โทษเธอสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วเข้าข้างพชิราแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ แม้แต่ความหวังเล็ก ๆ พวกนี้มันก็เกินกว่าจะคาดหวังแล้ว
ในใจของกันยา ไม่ว่าพชิราจะทำอะไรต่างก็มีเหตุมีผล และควรจะได้รับการอภัย เธอถึงขนาดไม่สงสัยเลยว่า ถ้าครั้งนี้พชิราลงมือฆ่าเธอจริง ๆ กันยาก็คงเลือกที่จะปิดบังเรื่องนี้แทนพชิราอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับลูกสาวแท้ ๆ แล้วลูกเลี้ยงอย่างเธอไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ
ทางด้านกันยายังคงพยายามพูดคัดค้านคำพูดของออสตินต่อไปอย่างกระตือรือร้น “ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่ชอบเพชร แต่พวกนี้จะพูดจาใส่ร้ายเพชรแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเธอมีความคิดชั่วร้ายขนาดนั้นจริง ตอนนั้นเอก็คงไม่มีทางบริจาคไขกระดูกให้กับฉันหรอก! เธอเอาแต่พูดว่าเพชรทำร้ายริศา แต่ริศาไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยสักนิด แต่กลับเป็นเพชร...”
กันยาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “แต่กลับเป็นเพชรที่ตอนนี้ต้องเข้ารักษาฉุกเฉินอยู่ในห้องผ่าตัด ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ปล่อยพวกเธอไปแน่!”
ได้ยินดังนั้น สาริศารู้สึกขมขื่นขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้ ไม่มีทางปล่อยเธอไปหมายความว่ายังไง? ถ้าพชิรามีอันตรายอะไรขึ้นมาจริง ๆ กันยาจะให้เธอชดใช้ด้วยชีวิตหรือยังไง?
ในฐานะทนายที่มีชื่อเสียง เมื่อออสตินได้ยินคำพูดพวกนั้นก็ถึงกับไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี ตอนนี้กันยาเอาแต่จมอยู่ในสมมติฐานที่ตัวเองคิดเอาไว้ ไม่ยอมฟังคำพูดของคนอื่นเลย ถึงแม้ว่าหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ควรได้รับความเห็นใจ แต่ทำแบบนี้มันก็มากเกินไป
สาริศาฟังเสียงกันยาร้องไห้ พลางพนมมือพร่ำวิงวอนขอพระโพธิสัตว์อวยพรให้พชิราปลอดภัยอยู่ข้าง ๆ เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือของเธอ เธอเอียงศีรษะหันมองก็เห็นว่าธนพัตกำลังกุมมือของเธออยู่
เขาออกแรงที่มือเล็กน้อย ธนพัตมองสาริศาด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรนะ เธอยังมีฉัน”
เมื่อสบตากับแววตาจริงจังของธนพัต สาริศารู้สึกว่าหัวใจที่เยือกเย็นของตัวเองอบอุ่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย เธอส่งสัญญาณบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ตอนนี้เธอไม่เสียใจแล้ว เธอแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างในใจที่พูดไม่ออกก็เท่านั้น
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ในที่สุดไฟห้องผ่าตัดก็ดับลง ทันทีที่หมดเดินออกมา กันยารีบพุ่งตัวเข้าไปหาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว “คุณหมอ เป็นยังไงบ้างคะ ลูกสาวของฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ การผ่าตัดสำเร็จไปด้วยดี พักผ่อนสักสองสามวันก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นอีกเดี๋ยวจะมีพยาบาลมาอธิบายให้พวกคุณฟัง” เพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จ คุณหมอก็เหนื่อยมาก หลังจากพูดจบเขาก็หันตัวเดินจากไปทันที
เมื่อได้ยินว่าพชิราไม่เป็นไร ความตึงเครียดของกันยาผ่อนคลายลงไปเล็กน้อยและโล่งใจขึ้นมาก
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตึงเครียดมากเกินไป พอร่างกายผ่อนคลายลงอย่างกะทันหันแบบนี้จึงทำให้รับไม่ไหว ทำเอากันยาเวียนหัวเป็นลมไป
สาริศารีบร้องเรียกพยาบาล รีบส่งตัวกันยาไปพักผ่อนที่ห้องผู้ป่วยด้านข้าง แล้วให้ธนพัตไปช่วยจัดการเรื่องพชิรา
เมื่อเห็นพยาบาลเข้าน้ำเกลือให้กันยาแล้ว สาริศาก็ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะนั่งเฝ้าอยู่ด้านในจนกว่ากันยาจะฟื้นขึ้นมาแน่นอน แต่ตอนนี้...
มุมปากกระตุกยิ้มอย่างขมขื่น สาริศาอดหัวเราะเยาะตัวเองออกมาไม่ได้ ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเผชิญหน้ากับกันยายังไง อีกอย่าง เธอกลัวว่าหลังจากกันยาฟื้นขึ้นมาคงจะไม่อยากเห็นหน้าเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...