ธนพัตพาสาริศาเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ครวญครางที่ดังมาจากด้านหลัง หลังจากเดินออกมาเขาก็ปิดประตูห้อง เพื่อกั้นเสียงของพชิราที่อยู่ด้านใน
เขาดึงสาริศาเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งไกลพอที่จะไม่ได้ยินเสียงของพชิราอีก ธนพัตถึงได้หยุดฝีเท้าลง
เขาปล่อยมือสาริศาก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ธนพัตนั่งลงบนที่นั่งริมโถงทางเดินอย่างเหน็ดเหนื่อย พลางให้มือบีบนวดขมับของตัวเองเบา ๆ
เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ นี่คือสภาพอารมณ์ของธนพัตในตอนนี้
เมื่อมองดูธนพัตใช้กุมขมับแบบนั้น สาริศาก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นภายในวันเดียว แถมยังล้มล้างสิ่งที่ตัวเองรับรู้มานานหลายปีไปโดยสิ้นเชิงแบบนี้ เขาคงจะอึดอัดใจมากแน่ ๆ
สาริศาเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ ธนพัต มองเขาด้วยสายตากังวล แต่ไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบโยนเขา มันเป็นอดีตที่เธอไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาเคยถูกทำร้ายยังไงมาบ้าง ฉะนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าคำพูดแบบไหนที่จะสามารถปลอบโยนเขาได้
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คงจะทำได้แค่อยู่กับเขา อยู่เป็นเพื่อนเขาเพื่อรำลึกถึงบาดแผลพวกนั้นอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ซึมซับ และปล่อยวาง...
หลังจากนั่งเงียบ ๆ อยู่กับธนพัตอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร สาริศาจึงเอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของสาริศา ธนพัตก็ขยับตัว เงยหน้าขึ้นยิ้มให้เธอ และพูดเบา ๆ ว่า “ไม่เป็นไร” แต่ในสายตาของสาริศา รอยยิ้มนี้มันน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
เธอพูดปลอบเขาอย่างอดไม่ได้ “เรื่องพวกนี้มันผ่านไปแล้ว คุณไม่ต้องไปใส่ใจมันมากหรอก คนเราต้องมองไปข้างหน้า”
สาริศารู้ว่าคำพูดนี้ของเธอมีให้พบเห็นได้ทั่วไป ใคร ๆ ก็รู้ แต่เธอคิดคำปลอบใจเขาไม่ออกแล้วจริง ๆ เธอรู้แค่ว่าพอเห็นธนพัตตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว หัวใจของเธอเหมือนถูกผูกติดกับเขา พลอยเสียใจและเจ็บปวดไปกับเขาด้วย
“ฉันรู้” ธนพัตพยักหน้า เขามองสาริศาอย่างซาบซึ้งใจ เพราะความเป็นห่วงของเธอที่มีต่อเขา “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันยังทนรับไหว เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไร อย่างน้อย ความจริงของคดีลักพาตัวก็ถูกตรวจสอบออกมาแล้ว หลังจากตามสืบสวนมาหลายปี ตอนนี้ถือว่าได้รับผลตอบแทนแล้ว”
“อืม” สาริศาพยักหน้ารับเช่นกัน เธอไม่รู้จะพูดอะไร และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ธนพัตไม่มีกะจิตกะใจอยากจะพูดคุยกับเธอนัก บรรยากาศระหว่างทั้งสองจมลงในความเงียบอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสักพัก สาริศาเห็นนางพยาบาลคนหนึ่งเดินไปเดินมาตามโถงทางเดิน สีหน้าท่าทางรีบร้อน ราวกับกำลังหาใครอยู่ เมื่อเห็นเธอหน้าคุ้น ๆ เหมือนจะเป็นนางพยาบาลที่ไปเข้าน้ำเกลือให้กันยาเมื่อครู่นี้ สาริศาจึงลุกขึ้น และแอบคิดว่ากำลังตามหาเธออยู่หรือเปล่า?
หลังจากมองผ่านไปผ่านมาหลายรอบ ในที่สุดพยาบาลก็มองเห็นสาริศา ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ตรงเข้ามาทางเธอ “ขอโทษนะคะ คุณใช่ญาติของผู้ป่วยคุณกันยาหรือเปล่าคะ? เมื่อกี้เหมือนฉันจะเห็นคุณ”
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นญาติของเธอ” สาริศาพยักหน้าตอบรับ
“ในที่สุดก็หาคุณเจอสักที เมื่อกี้ฉันเดินกลับไปกลับมาตามหาคุณตั้งหลายรอบแล้ว ทำไมคุณถึงอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ” น้ำเสียงของพยาบาลออกไปทางบ่นเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นญาติของผู้ป่วยทำไมไม่เฝ้าอยู่ในห้องพักคนไข้ ทำไมถึงปล่อยให้คนไข้ทิ้งไว้ในห้องพักคนเดียว แล้วตัวเองออกมาเดินไปทั่วแบบนี้?
“เมื่อกี้มีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยออกมาค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ต้องรบกวนคุณพยาบาลเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” สาริศาพูดเชิงกล่าวขอโทษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...