คนสองคนภายในห้องต่างกำลังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน โดยไม่ได้สนใจเงามืดที่อยู่ด้านนอกเลยสักนิด
เงาเล็ก ๆ เอาหน้าแนบกับรอยแยกตรงประตูแอบมองคนสองคนที่กำลังนั่งมองหน้ากันอย่างอยากรู้อยากเห็น พลางยิ้มออกมาอย่างมีความสุขอย่างอดไม่ได้
เงานี้ไม่ใช่ของใครที่ไหน ซึ่งคือธีร์คนที่ถูกลักพาตัวมาในครั้งนี้นั่นเอง
ธีร์มองดูการกระทำของทั้งสองคน และรู้สึกว่ายังขาดอะไรบางอย่างไป เขาก้มมองพื้นหญ้าเห็นมีแมลงอยู่ตัวหนึ่ง แล้วความคิดอันชาญฉลาดก็แล่นเข้ามาในหัวทันที
เขาโยนแมลงตัวนั้นเข้าไปในบ้าน แล้วมันก็บินตรงไปทางริศาพอดี
ทั้งสองคนที่เดิมทีเอาแต่นั่งเงียบเมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของแมลง จึงรีบลุกขึ้นทันที ธนพัตนึกว่าเป็นของไม่ดีอะไร
แต่ทางด้านสาริศาเธอกลับเห็นแมลงตัวนั้นวิ่งเข้ามาอย่างชัดเจน
แต่เดิมสาริศาก็กลัวแมลงมากอยู่แล้ว ยิ่งในตอนนี้ต้องมาเจอแมลงในที่ที่ทั้งเงียบและไม่คุ้นเคยแบบนี้อีก
เธอตกใจกลัวจนปากซีด
ทีแรกเธอคิดว่าหลังจากแมลงบินเข้ามาแล้วมันจะไม่เคลื่อนไหวอะไรอีก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด แมลงตัวนั้นบินตรงมาทางสาริศา
เธอสะดุ้งตกใจ ขณะที่พยายามจะเบี่ยงตัวหลบ เธอก็บังเอิญพุ่งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของธนพัตพอดี
การปะทะกันระหว่างหน้าอกกับหน้าอก ทำให้ทั้งสองคนเงียบลง สาริศามองไปที่ธนพัตด้วยใบหน้าที่ทั้งเขินอายและหวาดกลัว
ธนพัตเอื้อมมือไปกอดสาริศาไว้ กระตุกยิ้มมุมปาก ดูมีเสน่ห์สุด ๆ
เหมือนกันแมวขโมยตัวหนึ่ง
ธีร์ที่อยู่ด้านนอกรู้จักสาริศาดี เขารู้มาตั้งแต่เด็กแล้วว่าแม่ของเขากลัวแมลงมาก
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในห้องบรรลุผลตามที่ตัวเองต้องการแล้ว ธีร์ก็หัวเราะคิกคัก และตัดสินใจจะดำเนินการตามแผนในขั้นตอนสุดท้าย
ส่วนแมลงที่อยู่ห้องตัวนั้นก็ถูกธนพัตเหยียบตายไปแล้ว สาริศาผละตัวออกจากอ้อมกอดของธนพัตด้วยใบหน้าแดงก่ำ และไม่พูดไม่จาเลยสักคำ
“ริศา...เธอไม่เป็นไรนะ?” ธนพัตเอ่ยถามสาริศาอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” สาริศาตอบ ทีแรกเขานึกว่าเธอจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว แต่จู่ ๆ เธอกลับพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ”
ที่สาริศากลัวแมลงเพราะตั้งแต่เธอยังเด็กแม่สุขภาพไม่ค่อยดี จำเป็นต้องดื่มยาสมุนไพรจีน แต่ครอบครัวยากจนมาก เลยไม่สามารถซื้อพวกแมลงแพง ๆ มาต้มใส่ยาได้
เพื่อแม่ สาริศาจึงทำได้แค่ต้องเอามือไปจับเอง ทุกครั้งเธอต้องอดทนกับความกลัวและความรังเกียจออกไปหาแมลงพวกนั้น
ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สาริศากลับไม่มีภูมิต้านทานต่อแมลงพวกนั้นเลย ทันทีที่เห็นแมลงตัวเธอก็จะสั่นสะท้านทันที
ครั้งนี้โชคดีที่มีธนพัตอยู่ที่นี่เป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นสาริศาไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองจะสามารถรอดออกไปช่วยธีร์ได้หรือเปล่า
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว” ธนพัตเห็นสาริศากะจิตกะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาก็เดาว่าเธออาจจะคิดถึงเรื่องในอดีต
ดังนั้นเขาจึงก้าวเข้าไปกอดสาริศาเอาไว้ พลางลูบศีรษะเธอเบา ๆ หวังว่าเธอจะสงบลงได้บ้าง
ผ่านไปพักใหญ่ สาริศาก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของธนพัต เมื่อยืนยันว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว ธนพัตถึงได้ยอมปล่อยเธอ
“นั่นอะไร!?”
หลังจากสาริศาออกจากอ้อมแขนของธนพัต เธอก็เห็นก้อนกระดาษวางอยู่ที่หน้าประตู เพราะเมื่อกี้เธอมัวแต่ประหม่าเกินไปเลยไม่สังเกตเห็นมัน
“เธอรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” ธนพัตกังวลว่าจะมีอะไรผิดปกติ จึงให้สาริศายืนอยู่ที่เดิมจะดีกว่า
“อืม ระวังตัวด้วย” เธอมองธนพัตแล้วบอกอย่างเป็นห่วง
เมื่อได้ยินคำนั้น ธนพัตก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
ประโยคเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้เขาไม่ได้ยินมานานมากแค่ไหนแล้ว? นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มพูดกับเขาก่อน? เธอพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนแบบนี้ไปเมื่อไหร่?
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้น ธนพัตก็หันไปฉีกยิ้มให้สาริศาอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปหยิบกระดาษตรงหน้าประตู
เมื่อคลี่กระดาษโน้ตออก ลายมือสวยแต่ก็ดูมีความเป็นเด็กประทับอยู่ต่อหน้าเขา
“ขึ้นเตียง นอนหลับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...