“ธนพัตเป็นอะไรกันแน่ เวลาแบบนี้ชอบหาตัวไม่เจอตลอด” หลังจากสาริศาได้ฟังเสียงเตือนว่าอีกฝ่ายติดต่อไม่ได้ เธอก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไปไว้อีกทาง และเริ่มคิดฟุ้งซ่าน
เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตามตัวธนพัตไม่เจอแบบนี้คือตอนที่ธนพัตขอเธอแต่งงาน แล้วตอนนี้เขาก็ไม่รับโทรศัพท์ นี่มันหมายความว่ายังไง!?
หรือว่าเขามีอะไรจะเซอร์ไพรส์เธอเหรอ?
เธอครุ่นคิดอีกครั้ง เมื่อวานเขาก็เพิ่งจะตอบตกลงไปเที่ยวแชงกรีล่ากับเธอเอง ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรจะเซอร์ไพรส์อีกแล้วนี่นา
เธอคงจะคิดมากไปเอง บางทีตอนนี้ธนพัตอาจจะกำลังติดธุระอยู่ก็ได้
สาริศาจำได้ว่าเธอเคยอ่านบล็อกหนึ่งที่ว่า เวลาที่ติดต่อแฟนของตัวเองไม่เจอ ให้เดาไว้ว่าเขากำลังมีเซ็กส์อยู่
ถึงแม้ว่าสาริศาจะเคยคิดแบบนั้น แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว ธนพัตไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจึงไม่คิดมากอีก แถมยังแอบหัวเราะเยาะตัวเองด้วยที่มีความคิดแบบนี้
ในเมื่อติดต่อธนพัตไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ
สาริศานั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาต่อไปสักพัก จากนั้นไม่นาน เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
สาริศาขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าตอนธนพัตออกไปเขาเอากุญแจไปด้วยนี่นา อีกอย่างบ้านของพวกเขาก็ปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือด้วย ไม่ใช่กุญแจก็เปิดได้
สาริศาแอบส่องผ่านตาแมว หน้าประตูเป็นผุ้ชายคนหนึ่ง สวมหมวก แถมยังสวมแมสก์ มองเห็นหน้าเขาไม่ชัด
สาริศากำลังคิดว่าจะเปิดประตูให้เขาดีไหม จึงเอ่ยถามอีกฝ่ายผ่านประตูว่าเขาเป็นใคร
“มาส่งของครับ” อีกฝ่ายตอบกลับ แต่น้ำเสียงของเขาฟังดูแปลก ๆ แต่สาริศาไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก
สาริศานึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตัวเองจองตั๋วเครื่องบินไป เธอแอบคิดว่าหรือของจะส่งมาถึงภายในวันนี้จริง ๆ มันรวดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ กลางค่ำกลางคืนพวกเขาก็ไม่พักผ่อนกันเหรอ
สาริศารีบเปิดประตูให้คนส่งของเข้ามา
“ฉันขอดูสินค้าก่อนนะคะ” ในเมื่อเขาสะดวกให้จ่ายปลายทาง งั้นเธอก็ควรจะตรวจดูตั๋วเครื่องบินสักหน่อย แบบนี้เธอถึงจะวางใจ
“ริศา~” ระหว่างที่สาริศากำลังรอให้คนส่งของเอาสินค้าให้เธอดู เธอก็ได้ยินชายคนนั้นเรียกชื่อของเธอออกมา
สาริศาตกตะลึง คนส่งของตรงหน้า...
เขารู้ชื่อเธอได้ยังไง เธอจำได้ว่าชื่อที่เธอให้ไปตอนนั้นไม่ใช่ริศานี่นา
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเสียงของคนตรงหน้าฟังดูคุ้นหูมาก
หลังจากที่สาริศาตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ในใจของเธอก็รู้แล้วว่าเขาคนนี้เป็นใคร
สาริศาก้าวเข้าไปถอดหมวกและแมสก์ของเขาออก
ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
สาริศาเคยคิดไว้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นเขา แต่พอถอดแมสก์ของเขาออก เธอก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
“ธนพัต นี่คุณทำอะไร...?” ทีแรกสาริศาคิดว่าครั้งนี้ตัวเองสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ด้วยความพยายามของตัวเอง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนขายคนนั้นกลับเป็นธนพัต
สาริศามองไปที่ธนพัต เธออยากรู้ว่าเขาจะแก้ตัวว่ายังไง
“ฉันก็แค่เห็นว่าเธอหาซื้อตั๋วไม่ได้ ก็เลยช่วยเธอไง” ธนพัตเดินไปที่ตู้รองเท้า เปลี่ยนรองเท้า แล้วจูงสาริศาไปนั่งที่โซฟา
“เราตกลงกันแล้วว่าครั้งนี้ให้ฉันเป็นคนเตรียมเอง” ทีแรกสาริศารู้สึกดีใจมากที่ตัวเองสามารถหาซื้อตั๋วเครื่องบินได้ แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“เอาล่ะๆ ไม่เป็นไรนะ” ธนพัตปลอบใจสาริศาแล้วพูดต่อว่า
“อันที่จริง ตั๋วเครื่องบินนี้ชรัณก็เป็นคนช่วยซื้อมาให้ ฉันไม่ได้เป็นคนซื้อเอง” ธนพัตเหลือบตามองไปทางชรัณที่อยู่ข้าง ๆ พลางขยิบตาให้เขา
ชรัณอยากจะหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้จนสุดความสามารถ ซึ่งสาริศามองออกแต่แรกแล้ว แต่เธอแค่ไม่อยากพูดออกมาก็เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นข้าวของที่เหลือที่ต้องเตรียมไปเที่ยวครั้งนี้คุณจัดการแล้วกัน” สาริศาเห็นว่าของที่ตัวเองสามารถเก็บได้ เธอก็เก็บเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือก็มอบหมายให้ธนพัตก็แล้วกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...