สำหรับพนักงานประเภทที่ลาออกไปทันทีที่บริษัทเกิดปัญหา แม้จะมีความสามารถ แต่ไม่มีใจให้บริษัทของตัวเอง คนแบบนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ประโยชน์
ตัดพวกเขาออกจากเส้นทางของบริษัทไปแต่เนิ่นๆ เป็นการดีที่สุด ขณะที่หลีกเลี่ยงหายนะยังสามารถเชือดไก่ให้ลิงดูได้ด้วย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ในใจธนพัตก็ผ่อนคลายขึ้นมาก มองไปยังทุกคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วบอกเรื่องสำคัญบางอย่าง ให้ทุกคนรีบดำเนินการต่อไป ก่อนจะเลิกประชุม
หลังจากฟังเสียงเห็นว่าทุกคนออกไปกันหมดแล้ว สาริศาจึงออกมาจากห้องนอนเล็กพร้อมกับธีร์
“ขอโทษที่ทำให้คุณลำบากไปด้วย” ธนพัตมองสาริศาอย่างขอโทษ สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทตัวเองไม่เหมาะสม เขานั้นเพื่อจัดการกับปัญหาในบริษัท จึงไม่สามารถให้สาริศาปรากฏตัวต่อหน้าหัวหน้าแผนกต่างๆ ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามน้ำลาย
“ไม่เป็นไร เราเป็นสามีภรรยากัน ควรร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน”
ก้าวเข้าไปคลายคิ้วที่ขมวดของธนพัตให้เรียบ จากนั้นจึงเปลี่ยนมาช่วยนวดขมับให้เขา
หัวหน้าแผนกบุคคลมาส่งเอกสารของผู้ลาออก บังเอิญกลับมาเคาะประตูห้องของธนพัตในเวลานี้
หลังจากหัวหน้าฝ่ายบุคลลได้รับอนุญาต จึงได้เห็นสถานการณ์ดังกล่าว
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนวดขมับธนพัต เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังจับมือของธนพัต
หัวหน้าแผนกบุคคลก็เป็นผู้ซึ่งเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน เรื่องแบบนี้จะมองอย่างสนอกสนใจหรือพูดมากได้อย่างไร
หลังจากที่หัวหน้าแผนกบุคคลส่งแฟ้มบุคลากรเสร็จแล้วก็ออกจากห้องไปเงียบๆ และยังปิดประตูห้องให้ด้วย
“พบปมของปัญหาแล้วเหรอ” สาริศาอยู่ข้างๆ ช่วยนวดขมับให้ธนพัต และมองเขาพร้อมกับพูดด้วย
“ยังไม่พบ ปัญหาในตอนนี้แม้แต่มันเป็นปัญหาอะไรยังไม่รู้เลย มันจึงยิ่งยุ่งยาก”
ธนพัตก็รู้สึกหมดหนทางกับIQของตัวเอง คนที่มักจะฉลาดมากแต่ตอนนี้ยังไม่พบปัญหาครั้งนี้ของบริษัทเลย แม้แต่ทิศทางหลักก็ยังตรวจจับไม่ได้
“ปะป๊าไม่ต้องกังวลนะครับ ที่จริงแล้วบางครั้งสถานการณ์ของบริษัทบางแห่ง แม้แต่เจ้าของก็ไม่รู้ชัดเจนเลยครับ” จู่ๆ ธีร์ก็พูดขึ้นมาราวกับคิดอะไรได้
“ทำไมน้องธีร์พูดอย่างนั้นล่ะ” ธนพัตรู้สึกว่าในคำพูดของธีร์ทำให้เหมือนมีบางสิ่งแวบเข้ามาในสมอง แต่เขายังไม่เข้าใจ
“จุดนี้เหมือนตอนพวกผมอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลครับ มีคนทำดีแต่ถ้านักเรียนไม่พูด พวกครูและครูใหญ่ก็จะไม่รู้ครับ”
ไม่เพียงบริษัทและโรงเรียนเท่านั้น มันเป็นหลักเหตุผลของหลายๆ สถานที่
แต่ทำไมธนพัตถึงคิดไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ธนพัตจึงสั่งชรัณที่อยู่ใกล้ๆ
“สั่งไปทุกแผนก ให้เหล่าพนักงานในแผนกต่างๆ รายงานสาเหตุของข้อผิดพลาดและข้อบกพร่องล่าสุดของบริษัท และทำเอกสารรายงานโดยละเอียด ฉันต้องการเอกสารที่เป็นกระดาษ ไม่รับวิธีการประมวลผลที่เป็นไฟล์งานอิเล็กทรอนิกส์หรืออื่นๆ” ตอนนี้ธนพัตมองธีร์เหมือนมองสมบัติล้ำค่า เต็มไปด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ลูกชายคิดในสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองยังคิดไม่ได้ เป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ
แม้ว่าธีร์จะค้นพบจากเหตุการณ์เล็กๆ ในโรงเรียนอนุบาล แต่คำพูดนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นหลักเหตุผลนี้ไม่ใช่เหรอ
ทฤษฎีนี้สามารถใช้ได้ทั้งบ้านและประเทศชาติ
“ลุงชรัณครับ ในส่วนนี้ ใครที่จริงจังต่อการประเมินของบริษัท หลังจากปัญหาของบริษัทผ่านไป จะได้เลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนครับ”
ขณะที่ชรัณตั้งใจจะออกไปสั่งงาน ธีร์ก็เรียกชรัณและพูดอย่างนั้น
ตอนนี้พนักงานของบริษัทส่วนใหญ่มีเวลาจัดการ หากเพิ่มการเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนพวกเขาจะเขียนได้ดีอย่างแน่นอน
ธีร์คิดถึงจุดนี้ แล้วมุมปากก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...