“ประการแรก พนักงานภายในของบริษัทไม่สามัคคีกัน พวกเขารังแกผู้อ่อนแอและกระจายข่าวลือ ประการที่สอง บริษัทไม่สนใจผู้ใต้บังคับบัญชาของเรามากพอ ทำให้พนักงานจิตใจเฉยชา”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ธนพัตไตร่ตรองพฤติกรรมต่างๆ ของตัวเองในบริษัทอย่างรอบคอบ มันเป็นความจริงที่ไม่ได้ใส่ใจพนักงานเป็นอย่างดี
แต่สำหรับความขัดแย้งในหมู่พนักงานบริษัท และการกลั่นแกล้งผู้อ่อนแอ ธนพัตในฐานะผู้บริหารระดับสูงจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
ธนพัตยังคงอ่านต่อไป พบว่าสิ่งที่พนักงานพูดนั้นมันแสลงหูแต่ก็เป็นความจริง อดไม่ได้ที่จะเก็บมาไตร่ตรอง
“ในเมื่อพบประเด็นสำคัญของเรื่องนี้แล้ว งั้นเรามาเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้กันดีกว่า” สาริศามองกระดาษ A4 ซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษรแล้วรู้สึกว่ากระดาษนี้สามารถนำผลดีมาสู่พวกเขาได้
“ปะป๊าครับ คนคนนี้เป็นคนของแผนกไหนเหรอครับ” ธีร์ที่ไม่ได้พูดมาตลอดเอ่ยถามธนพัต
“แผนกการตลาด” ธนพัตตอบแล้วมองธีร์
ธนพัตรู้สึกว่าธีร์อาจมีการกระทำบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงเฝ้าดูธีร์ค้นหาแฟ้มบุคลากรของคนคนนี้บนโซฟา
คนคนนั้นคือคนของแผนกการตลาด ดูท่าทางไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก
“ปะป๊า ผมว่าคนคนนี้อาจจะเป็นคนที่พวกเขามักจะรังแกบ่อยๆ ไหมครับ!” ธีร์คาดเดาในใจ แต่ยังคงถามธนพัตด้วยความไม่แน่ใจ
เพราะธีร์ไม่เคยมีส่วนร่วมในที่ทำงาน บางเรื่องจึงยังต้องถามธนพัตถึงจะได้
ธนพัตมองแฟ้มบุคลากรที่อยู่ตรงหน้า ตรัย
ธนพัตไม่เคยได้ยินชื่อของคนคนนี้ แน่นอนว่าในบริษัทมีคนจำนวนมาก ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนก็เป็นเรื่องปกติ
“ถ้าอย่างนั้นเราไปถามที่แผนกการตลาดกัน” ธนพัตมองธีร์และวางแผนว่าจะพาธีร์ไปด้วยกัน
สาริศาอยู่ห้องทำงานรอพวกเขากลับมา
เพราะธีร์เป็นคนที่ค้นพบสิ่งนี้ และใจธนพัตก็ถือว่าธีร์เป็นคนที่สามารถช่วยเขาได้
ไม่ใช่ว่าธนพัตหาคนช่วยแก้ปัญหามั่วๆ แต่ธีร์มีความสามารถนี้จริงๆ
“ทุกคนหยุดสักครู่ ผมอยากถามความรู้สึกในจิตใจของทุกคน” ธนพัตเดินไปที่แผนกการตลาดและขอให้ทุกคนหยุดการทำงาน
เมื่อเห็นธนพัตมาที่แผนกการตลาดด้วยตนเอง ใจทุกคนส่วนใหญ่มีความสุขและตื่นเต้น สาวๆ ในแผนกการตลาดมีชีวิตชีวาขึ้น
และมีคนพากันคาดเดาแล้วว่าเด็กข้างกายธนพัตเป็นใคร แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกคนล้วนเดาว่าเป็นลูกชายของธนพัต
“ทุกคนคิดอย่างไรกับตรัย” ธนพัตสังเกตการแสดงออกของทุกคน โดยไม่อยากพลาดแม้แต่จุดเดียว
“ตรัย...” ทุกคนดูไม่อยากพูดถึงบุคคลนี้
ตอนที่ตรัยอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างไม่ชอบเขา ตอนนี้ไม่ง่ายที่จะออกไป ทำไมท่านประธานยังถามถึงเขาอีก
ทุกคนถามคำถามนี้ในใจ แต่ไม่มีใครถามออกจากปาก
เพราะความคิดในใจของประธานบริษัท ไม่ใช่สิ่งที่สามารถคาดเดาได้ตามใจชอบ แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทในตอนนี้จะไม่ดีนัก แต่บารมีของธนพัตยังคงอยู่
“พูดมาเถอะ” ธนพัตรู้ว่าทุกคนไม่อยากพูด จึงพูดอีกประโยค
“ทุกคนพูดได้อย่างวางใจ ผมจะไม่ทำให้พวกคุณลำบาก” เมื่อพูดจบประโยคนี้ ทุกคนต่างชะงักไป
อะไรที่เรียกว่าจะไม่ทำให้พวกเขาลำบาก ความหมายของธนพัตนั้นชัดเจนมาก คือถ้าไม่พูด พวกเขาจะต้องลำบากแน่
หลังจากทุกคนชั่งน้ำหนักกันในใจแล้ว จึงทยอยกันพูดขึ้น
“ตรัยคนนี้เป็นตัวซวยของแผนกการตลาดค่ะ”
“เขาฐานะยากจน พวกเราไม่ชอบคบหากับเขาค่ะ”
“สมองเขามีปัญหาด้วยครับ”
“………”
ธนพัตฟังคร่าวๆ ล้วนเป็นความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับตรัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...