“อรุณสวัสดิ์น้องธีร์”
แต่ครั้งนี้ธีร์คิดผิด ธนพัตทักทายธีร์ด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มอบอุ่น
บรรทัดฐานในตอนนี้ของธนพัตก็คือ ไม่ว่าสถานการณ์ของบริษัทจะยากลำบากเพียงใดก็ไม่อาจให้ครอบครัวรู้สึกถึงบรรยากาศสลดหดหู่ได้
ธีร์ยิ้มให้ธนพัตหลังจากนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะและเริ่มทานด้วยตัวเอง
ธีร์ชอบทานอาหารที่สาริศาทำ ดังนั้นเช้านี้เขาจึงทานเยอะมาก
เมื่อชรัณกำลังจะไปส่งธีร์ที่โรงเรียน สาริศาได้เรียกชรัณไปที่ห้องและพูดบางอย่างกับเขา
“นายเอาเช็คนี่ไป เมื่อถึงคราวจำเป็น ให้แอบเอาไปใช้ชดใช้ให้ธนพัต”
สาริศามองชรัณพร้อมกับพูดอย่างมีความหวัง
“คุณนาย นี่มัน...” ชรัณค่อนข้างลำบากใจ
แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องดี เพราะคุณนายตั้งใจช่วยเหลือคุณชาย แต่ตอนนี้ตัวเองเป็นคนกลาง ทำให้ชรัณค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก
“นายวางใจ เราเก็บเป็นความลับก็ได้”
สาริศามองชรัณอย่างมีความหวังว่าเขาจะช่วยเธอทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ
“ได้ครับ” ชรัณพยักหน้า รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เป็นการช่วยเหลือธนพัตเท่านั้น
หลังจากเห็นชรัณตอบตกลง สาริศาจึงยิ้มให้เขาอย่างดีใจแล้วให้เขาไปส่งธีร์ที่โรงเรียน
ระหว่างนั้น สาริศาไปดูธนพัตที่ห้องหนังสือหลายต่อหลายครั้ง เขาทำงานอยู่ในนั้น พยายามอย่างเต็มที่เพื่อกู้คืนความเสียหายของบริษัท
แต่เธอเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยดี ดังนั้นเธอจึงถอยกลับออกไปเงียบๆ
สาริศารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำเช่นไรดี เวลานี้พี่ชายคนเดียวที่สามารถช่วยตัวเองได้ก็ไม่มีอำนาจพอ
สาริศาได้แต่นั่งอยู่บนเตียง รอจนถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วไปทำอาหารให้ธนพัต
พชิรารออยู่ที่ร้านกาแฟวันแล้ววันเล่า แต่กลับไม่เคยได้เจอคนที่เธออยากเจอเลย
พชิราโทรไปขอความช่วยเหลือจากออสตินต้องการให้เขาช่วยสืบว่าคนคนนั้นเป็นใคร
แต่น่าเสียดายที่พชิรามีเพียงรูปลักษณ์ของคนคนนั้น ไร้ซึ่งข้อมูลส่วนอื่น
แม้แต่ออสตินที่เป็นประธานก็ไม่สามารถช่วยพชิราตามหาคนคนนี้ได้
และตอนนี้พวกเขาก็เป็นแค่หุ้นส่วนกัน
ออสตินไม่ได้มีเวลาว่างมากพอไปช่วยพชิราสืบหาใครซึ่งเป็นภารกิจที่ไม่เป็นประโยชน์กับเขาเลยไม่อยากทำ ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้ความพยายามมากนัก
หลังจากรู้เรื่องนี้พชิราก็โกรธมาก แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรออสตินได้
เพราะตอนนี้เธอยังต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินจากออสติน หากเธอมีปัญหากับออสติน ก็มีแค่ตัวเองที่ต้องทนทุกข์
เวลานี้ทุกอย่างกำลังดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว บริษัทของธนพัตกำลังจะล้มละลาย
ออสตินได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการแล้ว ตอนนี้สำหรับเขาแล้วพชิราก็เป็นเพียงสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้
แต่ออสตินก็ยังเข้าใจแนวคิดเรื่องความร่วมมืออยู่บ้าง ไม่เหมือนกับพชิรา
เรื่องพวกนี้พชิราเข้าใจดี แต่ก็ยังไม่กล้าอวดดีต่อหน้าเขาง่ายๆ
ตอนนี้พชิราได้แต่ให้ตัวเองอดทนรอ
พชิรารอแล้วไม่ได้เจอ แต่ธนพัตกลับได้เจอคนสามคน
“ก๊อกๆๆ” ขณะที่ธนพัตกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ ได้ยินเสียงเคาะประตู แต่ธนพัตไม่ได้ไปเปิดประตู
เพราะเขารู้ว่าในบ้านมีพี่เลี้ยงอยู่
พี่เลี้ยงเดินไปเปิดประตูแล้วก็ต้องตกใจ
เพราะคนที่มาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตำรวจ
“สวัสดีครับ ผมเป็นตำรวจ คุณธนพัต กีรติเมธานนท์อยู่ไหม” ตำรวจแสดงบัตรประจำตัวและถามพี่เลี้ยงที่ตกใจกลัว
พี่เลี้ยงรู้ว่าช่วงนี้บริษัทของตระกูลกีรติเมธานนท์ไม่ค่อยมั่นคง แต่ก็ไม่น่าจะดึงดูดตำรวจให้มาหา
“อยู่ อยู่ชั้นบนค่ะ” พี่เลี้ยงตกใจจนพูดจาตะกุกตะกัก จากนั้นให้ตำรวจขึ้นบันไดไป
ธนพัตซึ่งอยู่ในห้องแน่นอนว่าย่อมได้ยินเสียง ดังนั้นจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ตำรวจ
“สวัสดีครับ ผมเป็นตำรวจ” ตำรวจมองธนพัตและพูดอย่างเย็นชา
“สวัสดีครับ มีเรื่องอะไรเหรอ” ธนพัตเลิกคิ้วมองตำรวจอย่างสงสัย
ธนพัตรู้เพียงแค่ว่าบริษัทกำลังขาดทุนอย่างหนักในตอนนี้ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องอะไรที่ผิดกฎหมาย
“เนื่องจากคุณเป็นผู้ต้องสงสัยว่าทำผิดกฎหมายในตลาดหุ้น เราจึงมาที่นี่เพื่อจับกุมคุณ นี่คือหมายจับครับ” ตำรวจแสดงหมายจับตรงหน้าธนพัต หลังจากธนพัตเห็นแล้วก็พลันชะงักไป
ข้อมูลบนนั้นเป็นของตัวเองจริง ส่วนรูปภาพบนนั้นก็เป็นรูปของตัวเองเช่นกัน
แต่ตนไปทำเรื่องผิดกฎหมายเมื่อไรกัน
และอย่างการผิดกฎหมายในหุ้นตนก็ไม่เคยทำด้วย
ธนพัตมองตำรวจ ใบหน้ามีแต่เครื่องหมายคำถาม
“คุณตำรวจ คุณจับผิดคนหรือเปล่า เรื่องนี้ผมไม่ได้ทำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...