สาริศารู้สึกเหมือนกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าขาวซีด
วินาทีต่อมา เธอราวกับคนบ้าอยากจะวิ่งออกไปจากคฤหาสน์
“สาริศา!” แต่ธนพัตได้วิ่งตามมา แล้วคว้าข้อมือของเธอไว้ “เกิดอะไรขึ้น”
เธอบังคับสาริศาให้หันหน้ามา แต่เมื่อเธอหันมา เขาก็เห็นน้ำตาที่อาบเต็มใบหน้าของเธอ เขาจึงตกใจชะงักขึ้น
สาริศาสูญเสียการควบคุมกรีดร้องขึ้น “คุณปล่อยฉัน! คุณแม่ของฉันต้องผ่าตัด! คุณรีบปล่อยฉัน!”
ธนพัตตาค้าง แต่กลับไม่ปล่อยสาริศา หนำซ้ำยังดึงเธอเข้ามาสวมกอดไว้แน่นในอ้อมอก แล้วตวาดเบา ๆ :“สาริศา คุณใจเย็น ๆ หน่อย! คุณจะไปโรงพยาบาลคนเดียวยังไง จะไปทันได้อย่างไร ผมโทรศัพท์ให้ชรัณไปโรงพยาบาลจัดการทุกอย่างก่อน”
“ไม่ต้อง……” เมื่อได้ยินธนพัตบอกว่าจะช่วยตัวเองจัดการทุกอย่าง สาริศาจึงอยากจะตอบปฏิเสธด้วยสัญชาตญาณ แต่เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมาได้เพียงสองคำ เธอก็เห็นแววตาดำทะมึนของธนพัตที่อยู่ตรงหน้าประกายด้วยแสงความโกรธ
“สาริศา! นี่คุณจะดื้อรั้นไปถึงไหน! นี่คุณอยากจะให้แม่ของคุณดีขึ้นหรือเปล่า!” ธนพัตกล่าวด้วยความโมโห แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ขาวซีดของสาริศาที่อยู่ตรงหน้า และแววตาที่ต่อต้าน น้ำเสียงของเขาจึงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงอย่างควบคุมไม่ได้ “คุณยังจำได้หรือเปล่าผมเป็นสามีของคุณนะ ในเวลาแบบนี้ ถือว่าผมขอร้องเถอะ ให้ผมได้เป็นที่พึ่งของคุณสักครั้ง”
ถือว่าผมขอร้องเถอะ ให้เป็นที่พึ่งของคุณสักครั้ง
สาริศาที่เดิมทีอารมณ์ร้อนดูเหมือนจะเย็นลงในทันใด และเงยหน้าจ้องไปทางธนพัต
เธอคิดไม่ถึงว่า ธนพัตผู้ทระนงจะสามารถกล่าวคำพูดแบบนี้ออกมาได้
ให้เธอพึ่งพาเขา อีกทั้งยังใช้คำว่า “ขอร้อง” คำนี้
เห็นสาริศาสงบใจเย็นขึ้น ธนพัตจึงได้รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรศัพท์ไปหาชรัณ “ฮัลโหล ชรัณ ตอนนี้นายไปที่โรงพยาบาล ไปจัดการเรื่องของคุณแม่สาริศาหน่อย อืม ต้องผ่าตัดด่วน แล้วจ่ายค่ารักษาพยาบาลก่อนหน้านี้ด้วยนะ”
ในขณะที่ธนพัตพูดประโยคนี้ ได้ก้มหน้ามองมาทางสาริศาที่อยู่ตรงหน้าตลอดเวลา
เห็นเธอที่เอาแต่ก้มหน้า ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิด แต่ในที่สุดเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือจากเขา
เมื่อโทรศัพท์เสร็จ ธนพัตก็จูงมือของสาริศา แล้วกล่าวเบา ๆ :“ไปกันเถอะ ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล”
พลางพูดเขาพลางพาสาริศาเดินออกไป
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู สาริศาถึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงรีบกล่าวขึ้น:“ธนพัต รถเข็นของคุณ……”
เมธาวินเคยบอกไว้ ที่ธนพัตแกล้งทำเป็นคนพิการก็เพื่อปกป้องตัวเองจากพี่ชาย ถ้าหากให้คนอื่นเห็นว่าธนพัตยืนอยู่ เกรงว่าอาจทำให้เกิดความเดือดร้อนได้
ธนพัตถึงได้หยุดชะงักเดิน แล้วหันมามองสาริศา ด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม “กลัวคนเห็นอื่นจะเห็นว่าผมแสร้งพิการ?”
สาริศาพยักหน้า รีบหยิบเก้าอี้เอ็นที่อยู่ข้างประตูมา “ฉันเข็นคุณออกไปนะ”
นั่งอยู่บนรถเข็นโดยให้สาริศาเป็นคนเข็นออกไป ธนพัตที่เดิมทีอารมณ์หงุดหงิดอยู่นั้น ฉับพลันก็ดีขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
เห็นที สาริศายังคงเป็นห่วงตัวเอง
เมื่อนั่งเข้าไปในรถ คนขับรถก็รีบขับมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
ระยะทางเดิมทีไม่ได้ไกลมาก แต่เวลานี้สาริศากลับรู้สึกว่าหนึ่งวินาทีราวกับหนึ่งปี ข้างในกระวนกระวายใจตลอดเวลา
ทันใดนั้นมือของเธอสัมผัสถึงความอบอุ่น
เธอตกใจ หันหน้าไป ก็เห็นธนพัตกำลังกุมมือของตัวเองอยู่
มือของสาริศาในเวลานี้เย็นมาก เมื่อเทียบกันแล้ว มือของธนพัตอบอุ่นจนทำให้คนรู้สึกสบายใจ ทำให้หัวใจที่เต้นตึกตักของสาริศาค่อย ๆ สงบลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...