“แม่หนู มีอะไรให้ฉันช่วยไหม” ในขณะที่พชิรากำลังเสียใจ เธอก็เห็นใครบางคน
พชิราตกตะลึงไปทันที
เธอ……
เธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายกับกันยามาก แต่ตอนนี้กลับกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และถามเธอว่าเธอมีอะไรให้ช่วยไหม
พชิรามองไปทางผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอดูสูงศักดิ์และสง่างาม สะพายกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง และเครื่องสำอางของChanel ที่ตนเองแค่ได้กลิ่นก็รู้แล้ว
“แม่” พชิราจงใจเรียกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างเหม่อลอย หวังว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอจะสังเกตถึงความผิดปกติได้
“เด็กโง่ ฉันไม่ใช่แม่ของหนูหรอกนะ เรียกฉันว่าป้าสิดาก็ได้จ้ะ” สิดามองไปที่พชิรา รู้สึกว่าเธอน่าสงสารมาก
เหมือนเด็กที่ขาดแม่ เห็นแบบนี้ในใจเกิดความรู้สึกรักใคร่ของผู้เป็นมารดา นั่นเป็นเหตุผลที่เธอให้พชิราเรียกตัวเองว่าสิดา
“ป้าสิดา หนูขอถามได้ไหมคะว่าคุณมีพี่น้องฝาแฝดหรือเปล่า” พชิราสะบัดหน้า หลังจากได้สติ ก็มองไปที่สิดาแล้วถาม
สิดาตกตะลึงกับคำถามของพชิราไปเล็กน้อย แต่ในใจยังคิดถึงคำถามนี้อยู่
“หนู...ทำไมหนูถึงถามแบบนั้น” สิดารู้สึกว่าพชิราถามคำถามแปลก ๆ ดังนั้นเธอจึงมองไปที่พชิราด้วยสงสัยในคำถาม
“ที่จริงแล้ว แม่ของหนูหน้าตาเหมือนคุณมาก หนูก็เลยสงสัยว่าพวกคุณเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า” เรื่องนี้พชิราไม่ได้พูดโกหก แล้วมองไปที่สิดา และพูดด้วยสีหน้าจริงใจ
“หืม เหมือนกันมากเลยเหรอจ๊ะ?” พอได้ยินสิดาก็เริ่มสนใจทันที
และเริ่มเข้าใจว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงเรียกตนเองว่าแม่
“ไม่ทราบว่าป้าสิดาพอจะมีเวลาไปพบแม่กับหนูหรือเปล่าคะ ถ้าได้เจอกันคงจะเข้าใจค่ะ”
พชิราจับความสนใจในสายตาของสิดาได้ จึงเอ่ยพูด
จะเป็นพี่น้องกันจริงๆ หรือเปล่า ถ้าได้เจอกันก็จะรู้เอง
ถ้าเจอแล้วไม่ใช่ ก็สามารถสร้างความสนิทสนมกับสิดาได้มากขึ้น ถ้าหากใช่ พวกเธอก็จะมีสายเลือดเดียวกัน
แบบนี้เธอจะต้องช่วยตนเองอย่างแน่นอน
พชิราคิดวางแผนในใจ แล้วมองไปที่สิดาอย่างดีใจ
สิดาเหมือนเริ่มจะอยากไปเล็กน้อย และหลังจากผ่านไปสักพัก สิดาก็พูดออกมา “ได้จ้ะ ยังไงตอนนี้ฉันก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว ฉันไปกับหนูด้วยก็ได้”
“คุณธนพัต คุณมีความผิดกฎหมายเกี่ยวกับหุ้นของบริษัท คุณมีอะไรจะแก้ตัวไหม”
ในห้องสอบสวนเล็กๆ ตำรวจหนุ่มที่ดูเผด็จการและสวมชุดตำรวจมองมาที่ธนพัต สีหน้าเคร่งเครียด
“ผมมี สิ่งที่ฉันอยากจะพูดก็คือ ฉันไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมายพวกนั้น” ธนพัตมองหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงหน้าเขา สีหน้าเย็นชา สิ่งที่เขาไม่ได้ทำ เขาจะไม่ยอมรับผิดอย่างแน่นอน
“คุณยังจะปากแข็งอยู่อีก มาจนถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีก!” ตำรวจคนนั้นได้ยินธนพัตโต้เเย้งตนเอง จึงตบโต๊ะอย่างโมโห
เหตุการณ์นี้ตอนนี้สร้างความแตกตื่นกับผู้บังคับบัญชาเบื้องบนแล้ว เบื้องบนสั่งให้เขาจัดการสืบหาความจริงให้ได้ภายในสามวัน
แต่ตอนนี้ธนพัตไม่ยอมรับผิด นั่นก็หมายความว่าการพิจารณาคดีของเขาต้องยืดเวลาออกไปอีก ดังนั้นจะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไงกัน
เดิมทีเขาอยากจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ส่งงานให้เบื้องบนได้ แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ รบกวนไปตรวจสอบมาให้ละเอียดแล้วค่อยมาถามผมใหม่อีกครั้ง ผมไม่มีความจำเป็นต้องมาอธิบายให้คุณฟังมากนัก” ธนพัตมองหน้าตำรวจหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เขากำลังคิดอะไรอยู่ ธนพัตรู้ทุกอย่าง
แต่ธนพัตจะต้องขัดขวางสถานการณ์แบบนั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวให้ชัดเจนก็มาถามเขา นี่คือการพยายามบังคับให้เขายอมรับความผิดที่ไม่ได้ทำหรือไง?
ธนพัตไม่ใช่คนแบบนั้น และไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน
ตำรวจหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำอะไรเขาไม่ได้ จึงได้แต่ถลึงตามองเข้าอย่างไม่พอใจ
ส่วนสาริศาที่นอนอยู่บนเตียงกลับจามออกมา แม่บ้านที่อยู่ข้างๆ นึกว่าสาริศาเป็นหวัด จึงเดินไปห่มผ้าห่มให้เธอ
สาริศาโบกมือห้ามแม่บ้าน เพื่อแสดงว่าตนเองไม่เป็นไร
ในใจของสาริศารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย รู้สึกเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นกับธนพัต
แต่ตอนนี้คลิปวิดีโอถูกส่งไปให้แล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกได้ยังไงกัน?
สาริศาคิดว่า ถ้าหากยังมีปัญหาอยู่ คงต้องตามจับพชิราออกมายืนยันเรื่องนี้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...