“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาสามครั้ง ช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้มิลินได้พาธีร์ไปยังที่อยู่ที่สาริศาให้ไว้ ก่อนจะเคาะประตูด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น
ประตูถูกหญิงสูงอายุคนหนึ่งเปิดออกมา ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นแม่บ้านของที่นี่
“สวัสดีค่ะ คุณสาริศาให้หนูมาที่นี่ค่ะ” มิลินไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง จึงได้แต่เอ่ยชื่อของสาริศาออกมาเท่านั้น แม่บ้านเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ามิลินจะมาจึงเรียกให้มิลินเข้ามา ก่อนจะจัดห้องให้ทั้งสองคนพักผ่อน
แต่ว่า ตอนที่มิลินเดินลงมาเตรียมจะกลับบ้าน เธอก็เห็นคนคนหนึ่งในห้องนั่งเล่น!
คนคนนั้นคือชัชวาลนั่นเอง!
เรื่องราวมาจนถึงตอนนี้ มิลินถึงได้รู้ว่าเธอถูกหลอกแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่สาริศาคิดขึ้นมา
“คุณ…” ชัชวาลมองไปทางมิลิน ปากที่กำลังดื่มน้ำชาป่องออกมา
แต่ด้วยท่าทางการวางตัวสุภาพ เขาจึงพยายามกลืนน้ำชาลงไป
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ชัชวาลรู้ว่าการถามแบบนี้ค่อนข้างหยาบคายไม่มีมารยาท แต่ดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำลายความเงียบและบรรยากาศอึดอัดในตอนนี้ได้
“ริศาให้ฉันมาที่นี่ค่ะ เธอบอกว่าฝากน้องธีร์ไว้กับเพื่อนคนหนึ่ง ให้ฉันมาสอนน้องธีร์ที่นี่ค่ะ”
มิลินบอกชัชวาลตามความจริงว่าเรื่องราวเป็นมายังไง
หลังจากที่ฟังแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เข้าใจถึงแผนการทั้งหมดว่าเป็นยังไง
“มาเถอะ เชิญนั่งก่อน” ชัชวาลมองไปทางมิลินที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ดูท่าทางทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงเรียกให้มิลินนั่งลง แล้วทั้งสองก็คุยกันอยู่สักพัก
จนถึงช่วงเวลาเย็น ชัชวาลเพิ่งจะตระหนักได้ว่ามันดึกถึงขนาดนี้แล้ว
ดูเหมือนว่ามิลินจะเป็นคนที่พิเศษจริงๆ แม้แต่คนที่ตรงต่อเวลาเหมือนเขา ยังสามารถลืมเวลาได้
“ขอโทษที ผมลืมเวลาไปเลย” ชัชวาลมองไปที่มิลินแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด
“คุณจะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวผมไปส่ง” ชัชวาลมองไปที่มิลิน สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ
เห็นได้ชัดว่าเป็นชัชวาลที่เริ่มคุยกับมิลิน ถึงแม้มิลินยินดีที่จะคุยกับชัชวาลเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ชัชวาลยังถือว่าเป็นสุภาพบุรุษมาก
“ตกลงตกลงค่ะ ขอบคุณนะคะ” มิลินรู้ว่าถ้าชัชวาลส่งเธอกลับบ้านก็จะสามารถพูดคุยได้อีกสักพัก เธอยังมีอารมณ์ค้างอยากจะคุยต่ออีกหน่อย
การคุยกับชัชวาล ไม่เคยมีความรู้สึกอึดอัดใจ เพราะเขาจะแก้สถานการณ์อึดอัดได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น ชัชวาลจึงส่งมิลินกลับบ้าน และระหว่างทางก็พูดคุยกันต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึง
ทั้งสองกล่าวลากันเล็กน้อย แล้วมิลินก็หันไปเปิดประตูเข้าบ้านไป
ตอนนี้มิลินกำลังนอนอยู่บนเตียงคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ รู้สึกว่าสาริศาเป็นแม่สื่อของเธอจริงๆ ช่วยเธอได้มากจริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้ มิลินก็อยากโทรหาสาริศา เพื่อจะขอบคุณสาริศา
แต่พอคิดว่าเวลานี้ สาริศาอาจจะกำลังเที่ยวเล่นกับธนพัตอยู่ ดังนั้นตนเองอย่าไปรบกวนพวกเขาดีกว่า รอเธอกลับมาตนเองค่อยไปขอบคุณ
แบบนี้ดูจริงใจมากกว่า
ทางฝั่งสาริศากับธนพัตกำลังเที่ยวสนุกอยู่จริงๆ
วันนี้เป็นวันแรก พวกเขาจึงไปเที่ยวสถานที่คล้ายกับวัด แล้วไปเจอกับหมอดูท่านหนึ่ง
โดยปกติถ้าเจอตามถนนสาริศาจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย แต่หมอดูในวันนี้มีความพิเศษเล็กน้อย
เพราะป้ายที่เขาติดไว้มีอักษรตัวใหญ่เขียนไว้ว่า รับรองโดยหัวได้เลย ถ้าไม่ถูกไม่ตรงไม่คิดเงิน
ประโยคที่สองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ประโยคแรก ค่อนข้างรุนแรงเกินไป
สาริศารู้สึกสงสัย จึงอยากจะไปลองถามรายละเอียดดู
เดิมทีธนพัตค่อนข้างต่อต้านเรื่องพวกนี้ ธนพัตเชื่อว่าความสำเร็จทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของคนเรา ดังนั้นจึงอยากจะดึงสาริศาจากไป แต่พอเห็นสาริศามีท่าทางอยากรู้อยากเห็น จึงยอมปล่อยตามใจเธอ
สาริศาก้าวไปข้างหน้าให้หมอดูดูฝ่ามือของเธอ โดยธนพัตจ้องมองทั้งสองคนจากทางด้านข้าง หมอดูเป็นชายสูงวัย ธนพัตไม่ให้หมอดูสัมผัสมือของสาริศา
ดังนั้นหมอดูจึงได้แค่มองฝ่ามือและใบหน้าของสาริศา แล้วบอกผลออกมา
หลังจากที่ทั้งสองได้ยิน พวกเขาก็พยักหน้า หลังจากจ่ายเงินค่าดูหมอให้หมอดู พวกเขาก็เตรียมที่จะกลับไปห้องพัก
เดิมทีพวกเขาวางแผนจะออกมาตอนเที่ยง หลังจากเดินเที่ยวจนจบ ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้ว พวกเขาไม่คุ้นที่คุ้นทาง ตกเย็นแล้วไม่ควรจะอยู่ข้างนอก
“คุณ พรุ่งนี้พวกเราจะไปไหนกันต่อคะ” สาริศามองไปทางธนพัต ตอนนี้เธอเริ่มง่วงแล้วเล็กน้อย ตาของเธอสะลึมสะลือตอนที่มองไปทางธนพัต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...