ขอบตาธนพัตหายแดงแล้ว ดูท่าทางธนพัตจะกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วมาก แต่สาริศาก็ยังมองเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของธนพัต ที่แท้ธนพัตก็แอบร้องไห้เงียบอยู่ในที่ที่สาริศามองไม่เห็นมาตลอด
ความจริงในใจธนพัตก็เสียใจ สาริศาเองก็เข้าใจธนพัตผิดไป
สาริศามองธนพัตจัดการเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ลุกขึ้นยืน เหลือบมองธนพัต เดินออกไปที่ประตูห้องทำงาน ส่วนธนพัตมองสาริศาจากด้านหลัง พร้อมกับส่ายหน้า
ดูท่าว่าครั้งนี้จะถูกจับได้แล้ว ธนพัตไม่ได้รู้สึกเสียใจ เขารู้ว่าหลังจากที่สาริศาได้เห็นพฤติกรรมของตนเองในครั้งนี้แล้ว ในใจคงรู้สึกผิดและหวั่นไหวบ้างแล้ว
สาริศาเดินมาที่ชั้นล่าง ตอนที่เข้ามาในรถเตรียมจะเหยียบคันเร่งนั้นเอง ก็เห็นว่าธนพัตเข้ามานั่งอย่างแนบเนียนมาก สาริศาขมวดคิ้ว จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ขับรถออกไปทันที
วันต่อมาหลังจากมาถึงบริษัทแล้ว ธนพัตมองเห็นว่ามีรายงานฉบับหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ส่งมาจากบริษัทนักสืบเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทนักสืบเอกชนที่ธนพัตก่อตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อสืบหาธีร์
มีรายงานจากพวกเขาส่งมาในตอนนี้ ก็แสดงว่ามีเบาะแสจากการค้นหาตัวธีร์แน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่ส่งรายงานมาแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ ธนพัตเปิดดูรายงานทันที จากนั้นก็อ่านอย่างตั้งใจ
หลังจาที่สาริศามาถึงบริษัทแล้ว ก็มองเห็นมิลินที่หน้านิ่วคิ้วขมวด มิลินเข้ามาโอดครวญกับสาริศา หลังจากสาริศาฟังจบแล้ว จึงรู้ว่าที่แท้เป็นเพราะพ่อแม่ของมิลินไม่กล้าอาจเอื้อมมาดองกับตระกูลนิธิธราสกุล จึงจะให้ชัชวาลกับมิลินเลิกกัน
หลังจากสาริศาได้ฟังแล้วก็รู้สึกผิดคาดเล็กน้อย ปกติแล้วพวกพ่อแม่ต่างก็คาดหวังให้ลูกสาวตนเองแต่งงานกับผู้ดีคนรวยแบบนี้ถึงจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ ทำไมพ่อแม่ของมิลินแตกต่างจากคนอื่น
สาริศาถามคำถามนี้ออกมา มิลินมองสาริศาแล้วพูดว่า “ความจริงพวกเขาเป็นคนบ้านนอก เพราะว่าต้องดูแลฉันก็เลยเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้หวังให้ฉันจับคนรวย พวกเขากลัวเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
หลังจากที่มิลินพูดจบ แม้สาริศาจะไม่เข้าใจสถานการณ์แบบนี้นัก แต่ไม่ว่าอย่างไร สาริศาก็เคารพความคิดของทุกคน สาริศาเห็นท่าทางที่เศร้าเสียใจของมิลินในตอนนี้ ก็พยายามคิดหาวิธีในใจ
สาริศารู้ว่ามิลินไม่ได้คบหากับชัชวาลเพราะว่าชัชวาลร่ำรวย เรื่องนี้สาริศารู้ดี แต่พ่อแม่ของเธอคิดมากเกินไปหน่อย จึงทำให้เกิดสภาพอย่างในตอนนี้
“เอาอย่างนี้แล้วกัน หลังเลิกงานฉันจะไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้า ลองพูดคุยกับพวกท่านดู” สาริศาคิดว่าเรื่องนี้ยังไงก็ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน มีแค่วิธีนี้เท่านั้น ที่จะเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวได้
ถ้าเกิดโต้แย้งและปะทะคารมกัน อย่างนั้นโอกาสยิ่งริบหรี่ แม้สาริศาจะรู้ดีว่ามิลินไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่เมื่อต้องเจอกับเรื่องราวอะไรบางอย่าง อารมณ์พวกนั้นก็อาจจะปะทุออกมาได้
“อืม ได้” มิลินคิดไตร่ตรองดูแล้ว คิดว่าให้สาริศาไปลองคุยกับพ่อแม่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สาริศาพูดเก่งขนาดนี้ แม้ช่วงนี้จะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่ความสามารถในการจัดการไม่ได้ลดน้อยถอยลง
“เรื่องนี้คงทำให้เธอกลุ้มใจมากสินะ เมื่อกี้ฉันเห็นเธอถูกบรรณาธิการใหญ่ด่ามา” สาริศารู้ว่าเมื่อครู่มิลินถูกตำหนิมา ไม่เช่นนั้นด้วยเรื่องแค่นี้ ไม่สามารถทำให้เธอโมโหขนาดนี้ได้
อีกอย่างเอกสารของมิลินก็ถูกทิ้งไว้พื้น แบบนี้แสดงว่าเมื่อครู่ มิลินเพิ่งจะถูกบรรณาธิการใหญ่ตำหนิมา
“อืม ใช่ ฉันอยากอยู่กับวาล ไม่อยากเลิกกัน” ตอนนี้มิลินอารมณ์ไม่ดี พูดจาอะไรก็ไม่ได้คิดให้ดีก่อน หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมา ก็รู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะเธอรู้ดีว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของสาริศากับธนพัตไม่ค่อยดีนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...