ปัญหานี้ ธนพัตคิดใคร่ครวญอยู่ตลอดเวลาจนกลับมาที่บ้าน ก็ยังคิดไม่ตก จึงคิดจะรอสาริศาอยู่ในบ้าน ถึงเวลาก็ค่อยดูสถานการณ์แล้วกัน ธนพัตคิดแบบนี้ พร้อมนั่งรอสาริศาอยู่ที่โซฟา
อีกด้านหลังจากสาริศากับมิลินมาถึงแล้ว สาริศามาที่บ้านของมิลินเป็นครั้งแรก แต่คาดไม่ถึงว่าบ้านของมิลินจะยากจนขนาดนี้ แม้แต่ประตูก็ยังเก่าทรุดโทรม
แต่สาริศาไม่ได้พูดอะไร คนเราเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ว่าคนจนจะต้องเป็นคนไม่ดีเสมอไป คนรวยก็อาจจะเป็นคนเลวได้
“ริศา ทำให้เธอต้องเจอกับสภาพแย่ๆเลย” หลังจากที่มิลินพูดประโยคนี้จบ สาริศาก็มองมิลิน
“ไม่เป็นไร พวกเราเข้าไปเถอะ” หลังจากสาริศาเดินตามมิลินเข้าไปแล้วจึงพบว่า บ้านของมิลินอบอุ่นมาก บ้านตนเองแม้จะใหญ่โตสวยงามมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่ตนเองต้องการก็คือบ้านที่อบอุ่นสักหลัง
หลังจากเข้าไปในบ้าน สาริศาก็รู้ว่าอารมณ์เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมากเลย จากนั้นก็มองเห็นพ่อกับแม่ของมิลิน สาริศาเดินเข้าไปทักทายทั้งสองคนด้วยความอ่อนน้อม พร้อมกับแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า หนูเป็นเพื่อนร่วมงานของมิลิน เรียกหนูว่าริศาก็ได้ค่ะ”
ทั้งสองคนดูท่าทางจะชอบสาริศามาก หลังจากเห็นสาริศาก็ยิ้มไม่หุบ รีบเรียกสาริศาไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ถามว่าสาริศากินอันนั้นอันนี้มั้ย สาริศายังปรับตัวกับบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้ไม่ได้ไปชั่วขณะ
สาริศารู้สึกอบอุ่นในใจ ความรู้สึกแบบนี้สบายใจมากจริงๆ เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว
“คุณลุงคุณป้าคะ วันนี้หนูเห็นมิลินดูหดหู่ท้อแท้ ก็เลยมาส่งเธอที่บ้าน อยากจะมาเยี่ยมพวกคุณค่ะ หนูอยากจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ พอจะบอกหนูได้มั้ยคะ”
ท่าทางของสาริศาในตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยน่ารัก พ่อแม่ของมิลินทั้งสองคนต่างก็มีความสุขมากเป็นพิเศษ จึงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้สาริศาฟัง ซึ่งเหมือนกับที่มิลินเล่าให้ฟังทุกอย่าง
แต่สาริศาก็ยังตั้งใจฟังจนจบ จากนั้นก็พูดกับทั้งสองท่านว่า “หนูเคยเจอแฟนของมิลินแล้วค่ะ หน้าตาหล่อเหลา แล้วยังดีกับมิลินมากจริงๆค่ะ อีกอย่างคุณลุงคุณป้าก็แค่เป็นห่วงว่าจะเป็นขี้ปากคนอื่นหรือว่ามิลินจะอยู่อย่างไม่มีความสุขเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ”
สาริศารู้ว่าประเด็นหลักๆที่ทั้งสองคนกังวลก็คือสองเรื่องนี้ จึงจับประเด็นสำคัญนี้มา เริ่มอธิบาย เห็นทั้งสองท่านพยักหน้า สาริศาก็เริ่มพูดสิ่งที่ตนเองอยากพูดต่อไป
“อย่างแรกชัชวาลแฟนของมิลินเป็นคนดีมากค่ะ ดีกับมิลินมากเป็นพิเศษเลย แล้วทำไมเราต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่นด้วยล่ะคะ หรือว่าการเห็นมิลินมีความสุขมันไม่ดี ” จากนั้นสาริศาก็มองเห็นว่าทั้งสองหวั่นไหวแล้ว เธอจึงเริ่มสาธยายต่อไป
จนกระทั่งตอนที่ทั้งสองท่านว่าจะลองคิดทบทวนอย่างละเอียด สาริศาจึงหยุดพูดในสิ่งที่เธออยากจะพูด เรื่องบางเรื่องจะออกตัวมากเกินไปไม่ได้ ต้องเว้นช่องว่างให้พวกเขาคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดบ้าง
ตอนที่สาริศาจากไปนั้น ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านชอบสาริศามาก จึงให้มิลินออกไปส่งสาริศา มิลินจึงเดินตามสาริศาออกไป
“ริศา เธอนี่สุดยอดไปเลย ถ้าพ่อแม่ฉันบอกว่าจะพิจารณาดู งั้นความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลแล้ว” มิลินเป็นคนที่รู้จักพ่อของตัวเองดีมาตลอด ในเมื่อตอนนี้เธอพูดมาขนาดนี้ สาริศาเองก็วางใจแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็กลับแล้วนะ” สาริศามองท้องฟ้ามืดแล้ว คงจะดึกมากแล้ว แต่สาริศาเองก็นับถือตัวเองที่พูดอย่างน้ำไหลไฟดับได้นานขนาดนั้นได้
เรื่องนี้เหมือนกับชัชวาลมากเป็นพิเศษจริงๆ หลังจากสาริศาร่ำลากับมิลินแล้ว ก็กลับบ้านเลย ตอนที่มาถึงบ้าน ธนพัตหิวจนตาลายแล้ว เพราะตอนที่อยู่บ้านมิลินสาริศาพูดพลางกินไปพลาง จึงไม่หิว
“ภรรยาจ๋า ถ้าคุณไม่กลับมาผมคงต้องหิวตายแน่เลย” ธนพัตมองสาริศาจนแม้แต่หน้ายังย่น จากนั้นก็รีบไปนั่งรอสาริศาที่โต๊ะอาหาร เพื่อทานข้าวพร้อมกัน
สาริศามองการกระทำของธนพัต รู้สึกขัดเขินอย่างยิ่ง “ฉันไปบ้านมิลินมา กินข้าวมาแล้ว ”
จากนั้นสาริศาก็เล่าให้ธนพัตฟังว่าพูดอะไรไปบ้าง หลังจากเล่าจบธนพัตก็มองสาริศาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผม” “ฉันส่งข้อความไปให้คุณแล้วนี่คะ”
พอได้ยินคำพูดของสาริศา ธนพัตก็หยิบโทรศัพท์ที่ตนเองเพิกเฉยไปนานแล้วขึ้นมา จากนั้นก็มองสาริศาด้วยหน้าเจื่อนๆ
ธนพัตเอาแต่เฝ้ารอให้สาริศากลับบ้าน ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าความจริงแล้วสาริศานั้นส่งข้อความมาให้ตนเองนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...