เข้าสู่ระบบผ่าน

หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 607

ปัญหานี้ ธนพัตคิดใคร่ครวญอยู่ตลอดเวลาจนกลับมาที่บ้าน ก็ยังคิดไม่ตก จึงคิดจะรอสาริศาอยู่ในบ้าน ถึงเวลาก็ค่อยดูสถานการณ์แล้วกัน ธนพัตคิดแบบนี้ พร้อมนั่งรอสาริศาอยู่ที่โซฟา

อีกด้านหลังจากสาริศากับมิลินมาถึงแล้ว สาริศามาที่บ้านของมิลินเป็นครั้งแรก แต่คาดไม่ถึงว่าบ้านของมิลินจะยากจนขนาดนี้ แม้แต่ประตูก็ยังเก่าทรุดโทรม

แต่สาริศาไม่ได้พูดอะไร คนเราเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ว่าคนจนจะต้องเป็นคนไม่ดีเสมอไป คนรวยก็อาจจะเป็นคนเลวได้

“ริศา ทำให้เธอต้องเจอกับสภาพแย่ๆเลย” หลังจากที่มิลินพูดประโยคนี้จบ สาริศาก็มองมิลิน

“ไม่เป็นไร พวกเราเข้าไปเถอะ” หลังจากสาริศาเดินตามมิลินเข้าไปแล้วจึงพบว่า บ้านของมิลินอบอุ่นมาก บ้านตนเองแม้จะใหญ่โตสวยงามมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่ตนเองต้องการก็คือบ้านที่อบอุ่นสักหลัง

หลังจากเข้าไปในบ้าน สาริศาก็รู้ว่าอารมณ์เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมากเลย จากนั้นก็มองเห็นพ่อกับแม่ของมิลิน สาริศาเดินเข้าไปทักทายทั้งสองคนด้วยความอ่อนน้อม พร้อมกับแนะนำตัวเอง

“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า หนูเป็นเพื่อนร่วมงานของมิลิน เรียกหนูว่าริศาก็ได้ค่ะ”

ทั้งสองคนดูท่าทางจะชอบสาริศามาก หลังจากเห็นสาริศาก็ยิ้มไม่หุบ รีบเรียกสาริศาไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ถามว่าสาริศากินอันนั้นอันนี้มั้ย สาริศายังปรับตัวกับบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้ไม่ได้ไปชั่วขณะ

สาริศารู้สึกอบอุ่นในใจ ความรู้สึกแบบนี้สบายใจมากจริงๆ เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว

“คุณลุงคุณป้าคะ วันนี้หนูเห็นมิลินดูหดหู่ท้อแท้ ก็เลยมาส่งเธอที่บ้าน อยากจะมาเยี่ยมพวกคุณค่ะ หนูอยากจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ พอจะบอกหนูได้มั้ยคะ”

ท่าทางของสาริศาในตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยน่ารัก พ่อแม่ของมิลินทั้งสองคนต่างก็มีความสุขมากเป็นพิเศษ จึงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้สาริศาฟัง ซึ่งเหมือนกับที่มิลินเล่าให้ฟังทุกอย่าง

แต่สาริศาก็ยังตั้งใจฟังจนจบ จากนั้นก็พูดกับทั้งสองท่านว่า “หนูเคยเจอแฟนของมิลินแล้วค่ะ หน้าตาหล่อเหลา แล้วยังดีกับมิลินมากจริงๆค่ะ อีกอย่างคุณลุงคุณป้าก็แค่เป็นห่วงว่าจะเป็นขี้ปากคนอื่นหรือว่ามิลินจะอยู่อย่างไม่มีความสุขเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ”

สาริศารู้ว่าประเด็นหลักๆที่ทั้งสองคนกังวลก็คือสองเรื่องนี้ จึงจับประเด็นสำคัญนี้มา เริ่มอธิบาย เห็นทั้งสองท่านพยักหน้า สาริศาก็เริ่มพูดสิ่งที่ตนเองอยากพูดต่อไป

“อย่างแรกชัชวาลแฟนของมิลินเป็นคนดีมากค่ะ ดีกับมิลินมากเป็นพิเศษเลย แล้วทำไมเราต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่นด้วยล่ะคะ หรือว่าการเห็นมิลินมีความสุขมันไม่ดี ” จากนั้นสาริศาก็มองเห็นว่าทั้งสองหวั่นไหวแล้ว เธอจึงเริ่มสาธยายต่อไป

จนกระทั่งตอนที่ทั้งสองท่านว่าจะลองคิดทบทวนอย่างละเอียด สาริศาจึงหยุดพูดในสิ่งที่เธออยากจะพูด เรื่องบางเรื่องจะออกตัวมากเกินไปไม่ได้ ต้องเว้นช่องว่างให้พวกเขาคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดบ้าง

ตอนที่สาริศาจากไปนั้น ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านชอบสาริศามาก จึงให้มิลินออกไปส่งสาริศา มิลินจึงเดินตามสาริศาออกไป

“ริศา เธอนี่สุดยอดไปเลย ถ้าพ่อแม่ฉันบอกว่าจะพิจารณาดู งั้นความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลแล้ว” มิลินเป็นคนที่รู้จักพ่อของตัวเองดีมาตลอด ในเมื่อตอนนี้เธอพูดมาขนาดนี้ สาริศาเองก็วางใจแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็กลับแล้วนะ” สาริศามองท้องฟ้ามืดแล้ว คงจะดึกมากแล้ว แต่สาริศาเองก็นับถือตัวเองที่พูดอย่างน้ำไหลไฟดับได้นานขนาดนั้นได้

เรื่องนี้เหมือนกับชัชวาลมากเป็นพิเศษจริงๆ หลังจากสาริศาร่ำลากับมิลินแล้ว ก็กลับบ้านเลย ตอนที่มาถึงบ้าน ธนพัตหิวจนตาลายแล้ว เพราะตอนที่อยู่บ้านมิลินสาริศาพูดพลางกินไปพลาง จึงไม่หิว

“ภรรยาจ๋า ถ้าคุณไม่กลับมาผมคงต้องหิวตายแน่เลย” ธนพัตมองสาริศาจนแม้แต่หน้ายังย่น จากนั้นก็รีบไปนั่งรอสาริศาที่โต๊ะอาหาร เพื่อทานข้าวพร้อมกัน

สาริศามองการกระทำของธนพัต รู้สึกขัดเขินอย่างยิ่ง “ฉันไปบ้านมิลินมา กินข้าวมาแล้ว ”

จากนั้นสาริศาก็เล่าให้ธนพัตฟังว่าพูดอะไรไปบ้าง หลังจากเล่าจบธนพัตก็มองสาริศาด้วยสีหน้าตกตะลึง

“แล้วทำไมคุณไม่บอกผม” “ฉันส่งข้อความไปให้คุณแล้วนี่คะ”

พอได้ยินคำพูดของสาริศา ธนพัตก็หยิบโทรศัพท์ที่ตนเองเพิกเฉยไปนานแล้วขึ้นมา จากนั้นก็มองสาริศาด้วยหน้าเจื่อนๆ

ธนพัตเอาแต่เฝ้ารอให้สาริศากลับบ้าน ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าความจริงแล้วสาริศานั้นส่งข้อความมาให้ตนเองนานแล้ว

กลัวอะไรก็มักจะได้อย่างนั้นจริงๆ เมื่อบรรณาธิการใหญ่มาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ก็เรียกสาริศากับมิลินไปที่ห้องทำงานโดยไม่พูดไม่จาอะไร บรรยากาศภายในห้องทำงานเย็นจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง

จนกระทั่งสาริศาคิดว่าบรรณาธิการจะทำแบบนี้ต่อไปอีก ในที่สุดบรรณาธิการก็พูดว่า “ไหนบอกมาสิ ทำไมเมื่อวานถึงโดดงาน”

เมื่อวานบรรณาธิการใหญ่เห็นสาริศาทักทาย แต่ในใจก็โกรธมาก

เธอทำงานมานานหลายปี เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกล้าโดดงานอย่างไม่เกรงกลัวแบบนี้ วันนี้พวกเขาทำเป็นครั้งแรก แม้ว่าสาริศาจะเป็นภรรยาของท่านประธาน แต่ในเวลาทำงานก็ไม่อนุญาตให้ทำเรื่องแบบนี้

สาริศาได้ยินคำถามของบรรณาธิการใหญ่ ก็ก้มหน้า จากนั้นก็มองไปที่บรรณาธิการใหญ่พลางกล่าวว่า “บรรณาธิการใหญ่คะ เมื่อวานพวกเรามีธุระนิดหน่อยค่ะ ก็เลยโดดงาน ตอนนี้บรรณาธิการจะลงโทษยังไงก็ได้ค่ะ”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต่างคนต่างไปพิจารณาตัว คัดหนึ่งหมื่นตัวอักษร” หลังจากพูดเสร็จ สาริศากับมิลินก็ถูกบรรณาธิการใหญ่ไล่ออกจากห้องทำงาน มิลินจึงตั้งสติกลับมาได้ การถูกบรรณาธิการด่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

“ริศา ขอโทษ ฉันทำ……” ตอนที่มิลินเตรียมจะขอโทษ แต่ถูกสาริศาขัดขึ้นมา

“อย่าพูดแบบนี้ เรื่องเมื่อวานฉันเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ไปเขียนเถอะ”

สาริศาหมอบคัดลายมืออยู่บนโต๊ะอย่างยอมรับชะตากรรม ส่วนมิลินยังมีงานที่ต้องทำ จึงยังไม่ต้องเขียนชั่วคราว ทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเขียนภายหลัง

แต่บทสรุปของเรื่องนี้ก็เป็นอย่างที่บรรณาธิการบอก ใครเขียนไม่เสร็จห้ามกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นจะถูกหักเงินเดือน สำหรับบรรณาธิการใหญ่ที่นี่ การโดดงานเป็นเรื่องที่รุนแรงมากเรื่องหนึ่ง

ถ้าหากมีพนักงานคนหนึ่งกำลังสัมภาษณ์ประธานบริษัทท่านหนึ่ง ระหว่างนั้นจู่ๆก็หายตัวไป เช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ไม่มีทางรู้ได้เลย

ดังนั้นบรรณาธิการคิดว่า การโดดงานเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้มากที่สุดในด้านการทำงาน นี่เป็นปัญหาทางด้านทัศนคติ ดังนั้นต้องได้รับการลงโทษ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ