สรุปตอน บทที่ 607 ปัญหาทางทัศนคติ – จากเรื่อง หวานเย็น กรุ่นใจ โดย ช็อคโกแลต
ตอน บทที่ 607 ปัญหาทางทัศนคติ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง หวานเย็น กรุ่นใจ โดยนักเขียน ช็อคโกแลต เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ปัญหานี้ ธนพัตคิดใคร่ครวญอยู่ตลอดเวลาจนกลับมาที่บ้าน ก็ยังคิดไม่ตก จึงคิดจะรอสาริศาอยู่ในบ้าน ถึงเวลาก็ค่อยดูสถานการณ์แล้วกัน ธนพัตคิดแบบนี้ พร้อมนั่งรอสาริศาอยู่ที่โซฟา
อีกด้านหลังจากสาริศากับมิลินมาถึงแล้ว สาริศามาที่บ้านของมิลินเป็นครั้งแรก แต่คาดไม่ถึงว่าบ้านของมิลินจะยากจนขนาดนี้ แม้แต่ประตูก็ยังเก่าทรุดโทรม
แต่สาริศาไม่ได้พูดอะไร คนเราเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ว่าคนจนจะต้องเป็นคนไม่ดีเสมอไป คนรวยก็อาจจะเป็นคนเลวได้
“ริศา ทำให้เธอต้องเจอกับสภาพแย่ๆเลย” หลังจากที่มิลินพูดประโยคนี้จบ สาริศาก็มองมิลิน
“ไม่เป็นไร พวกเราเข้าไปเถอะ” หลังจากสาริศาเดินตามมิลินเข้าไปแล้วจึงพบว่า บ้านของมิลินอบอุ่นมาก บ้านตนเองแม้จะใหญ่โตสวยงามมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่ตนเองต้องการก็คือบ้านที่อบอุ่นสักหลัง
หลังจากเข้าไปในบ้าน สาริศาก็รู้ว่าอารมณ์เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมากเลย จากนั้นก็มองเห็นพ่อกับแม่ของมิลิน สาริศาเดินเข้าไปทักทายทั้งสองคนด้วยความอ่อนน้อม พร้อมกับแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า หนูเป็นเพื่อนร่วมงานของมิลิน เรียกหนูว่าริศาก็ได้ค่ะ”
ทั้งสองคนดูท่าทางจะชอบสาริศามาก หลังจากเห็นสาริศาก็ยิ้มไม่หุบ รีบเรียกสาริศาไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ถามว่าสาริศากินอันนั้นอันนี้มั้ย สาริศายังปรับตัวกับบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้ไม่ได้ไปชั่วขณะ
สาริศารู้สึกอบอุ่นในใจ ความรู้สึกแบบนี้สบายใจมากจริงๆ เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว
“คุณลุงคุณป้าคะ วันนี้หนูเห็นมิลินดูหดหู่ท้อแท้ ก็เลยมาส่งเธอที่บ้าน อยากจะมาเยี่ยมพวกคุณค่ะ หนูอยากจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ พอจะบอกหนูได้มั้ยคะ”
ท่าทางของสาริศาในตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยน่ารัก พ่อแม่ของมิลินทั้งสองคนต่างก็มีความสุขมากเป็นพิเศษ จึงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้สาริศาฟัง ซึ่งเหมือนกับที่มิลินเล่าให้ฟังทุกอย่าง
แต่สาริศาก็ยังตั้งใจฟังจนจบ จากนั้นก็พูดกับทั้งสองท่านว่า “หนูเคยเจอแฟนของมิลินแล้วค่ะ หน้าตาหล่อเหลา แล้วยังดีกับมิลินมากจริงๆค่ะ อีกอย่างคุณลุงคุณป้าก็แค่เป็นห่วงว่าจะเป็นขี้ปากคนอื่นหรือว่ามิลินจะอยู่อย่างไม่มีความสุขเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ”
สาริศารู้ว่าประเด็นหลักๆที่ทั้งสองคนกังวลก็คือสองเรื่องนี้ จึงจับประเด็นสำคัญนี้มา เริ่มอธิบาย เห็นทั้งสองท่านพยักหน้า สาริศาก็เริ่มพูดสิ่งที่ตนเองอยากพูดต่อไป
“อย่างแรกชัชวาลแฟนของมิลินเป็นคนดีมากค่ะ ดีกับมิลินมากเป็นพิเศษเลย แล้วทำไมเราต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่นด้วยล่ะคะ หรือว่าการเห็นมิลินมีความสุขมันไม่ดี ” จากนั้นสาริศาก็มองเห็นว่าทั้งสองหวั่นไหวแล้ว เธอจึงเริ่มสาธยายต่อไป
จนกระทั่งตอนที่ทั้งสองท่านว่าจะลองคิดทบทวนอย่างละเอียด สาริศาจึงหยุดพูดในสิ่งที่เธออยากจะพูด เรื่องบางเรื่องจะออกตัวมากเกินไปไม่ได้ ต้องเว้นช่องว่างให้พวกเขาคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดบ้าง
ตอนที่สาริศาจากไปนั้น ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านชอบสาริศามาก จึงให้มิลินออกไปส่งสาริศา มิลินจึงเดินตามสาริศาออกไป
“ริศา เธอนี่สุดยอดไปเลย ถ้าพ่อแม่ฉันบอกว่าจะพิจารณาดู งั้นความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลแล้ว” มิลินเป็นคนที่รู้จักพ่อของตัวเองดีมาตลอด ในเมื่อตอนนี้เธอพูดมาขนาดนี้ สาริศาเองก็วางใจแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็กลับแล้วนะ” สาริศามองท้องฟ้ามืดแล้ว คงจะดึกมากแล้ว แต่สาริศาเองก็นับถือตัวเองที่พูดอย่างน้ำไหลไฟดับได้นานขนาดนั้นได้
เรื่องนี้เหมือนกับชัชวาลมากเป็นพิเศษจริงๆ หลังจากสาริศาร่ำลากับมิลินแล้ว ก็กลับบ้านเลย ตอนที่มาถึงบ้าน ธนพัตหิวจนตาลายแล้ว เพราะตอนที่อยู่บ้านมิลินสาริศาพูดพลางกินไปพลาง จึงไม่หิว
“ภรรยาจ๋า ถ้าคุณไม่กลับมาผมคงต้องหิวตายแน่เลย” ธนพัตมองสาริศาจนแม้แต่หน้ายังย่น จากนั้นก็รีบไปนั่งรอสาริศาที่โต๊ะอาหาร เพื่อทานข้าวพร้อมกัน
สาริศามองการกระทำของธนพัต รู้สึกขัดเขินอย่างยิ่ง “ฉันไปบ้านมิลินมา กินข้าวมาแล้ว ”
จากนั้นสาริศาก็เล่าให้ธนพัตฟังว่าพูดอะไรไปบ้าง หลังจากเล่าจบธนพัตก็มองสาริศาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผม” “ฉันส่งข้อความไปให้คุณแล้วนี่คะ”
พอได้ยินคำพูดของสาริศา ธนพัตก็หยิบโทรศัพท์ที่ตนเองเพิกเฉยไปนานแล้วขึ้นมา จากนั้นก็มองสาริศาด้วยหน้าเจื่อนๆ
ธนพัตเอาแต่เฝ้ารอให้สาริศากลับบ้าน ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าความจริงแล้วสาริศานั้นส่งข้อความมาให้ตนเองนานแล้ว
กลัวอะไรก็มักจะได้อย่างนั้นจริงๆ เมื่อบรรณาธิการใหญ่มาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ก็เรียกสาริศากับมิลินไปที่ห้องทำงานโดยไม่พูดไม่จาอะไร บรรยากาศภายในห้องทำงานเย็นจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง
จนกระทั่งสาริศาคิดว่าบรรณาธิการจะทำแบบนี้ต่อไปอีก ในที่สุดบรรณาธิการก็พูดว่า “ไหนบอกมาสิ ทำไมเมื่อวานถึงโดดงาน”
เมื่อวานบรรณาธิการใหญ่เห็นสาริศาทักทาย แต่ในใจก็โกรธมาก
เธอทำงานมานานหลายปี เป็นครั้งแรกที่เห็นคนกล้าโดดงานอย่างไม่เกรงกลัวแบบนี้ วันนี้พวกเขาทำเป็นครั้งแรก แม้ว่าสาริศาจะเป็นภรรยาของท่านประธาน แต่ในเวลาทำงานก็ไม่อนุญาตให้ทำเรื่องแบบนี้
สาริศาได้ยินคำถามของบรรณาธิการใหญ่ ก็ก้มหน้า จากนั้นก็มองไปที่บรรณาธิการใหญ่พลางกล่าวว่า “บรรณาธิการใหญ่คะ เมื่อวานพวกเรามีธุระนิดหน่อยค่ะ ก็เลยโดดงาน ตอนนี้บรรณาธิการจะลงโทษยังไงก็ได้ค่ะ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต่างคนต่างไปพิจารณาตัว คัดหนึ่งหมื่นตัวอักษร” หลังจากพูดเสร็จ สาริศากับมิลินก็ถูกบรรณาธิการใหญ่ไล่ออกจากห้องทำงาน มิลินจึงตั้งสติกลับมาได้ การถูกบรรณาธิการด่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
“ริศา ขอโทษ ฉันทำ……” ตอนที่มิลินเตรียมจะขอโทษ แต่ถูกสาริศาขัดขึ้นมา
“อย่าพูดแบบนี้ เรื่องเมื่อวานฉันเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ไปเขียนเถอะ”
สาริศาหมอบคัดลายมืออยู่บนโต๊ะอย่างยอมรับชะตากรรม ส่วนมิลินยังมีงานที่ต้องทำ จึงยังไม่ต้องเขียนชั่วคราว ทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเขียนภายหลัง
แต่บทสรุปของเรื่องนี้ก็เป็นอย่างที่บรรณาธิการบอก ใครเขียนไม่เสร็จห้ามกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นจะถูกหักเงินเดือน สำหรับบรรณาธิการใหญ่ที่นี่ การโดดงานเป็นเรื่องที่รุนแรงมากเรื่องหนึ่ง
ถ้าหากมีพนักงานคนหนึ่งกำลังสัมภาษณ์ประธานบริษัทท่านหนึ่ง ระหว่างนั้นจู่ๆก็หายตัวไป เช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ไม่มีทางรู้ได้เลย
ดังนั้นบรรณาธิการคิดว่า การโดดงานเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้มากที่สุดในด้านการทำงาน นี่เป็นปัญหาทางด้านทัศนคติ ดังนั้นต้องได้รับการลงโทษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...