สาริศาตกใจขึ้นอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าธนพัตพูดไม่ผิด นิสัยของท่านประเสริฐแปลกจริง ๆ พูดจาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
“สำหรับครอบครัวอย่างพวกเรา ไม่ว่าเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนจะเป็นความผิดของเธอหรือไม่ แต่เมื่อมีเรื่องเสียหายอับอายแบบนี้เกิดขึ้น ตามหลักแล้วไม่สามารถที่จะเข้าบ้านตระกูลกีรติเมธานนท์ได้” ท่านประเสริฐกล่าวอย่างเย็นชา
ความจริงแล้วเหตุผลนี้ใช่ว่าสาริศาจะไม่เคยคิด สีหน้าจึงขาวซีดเล็กน้อย “ดังนั้นคุณปู่ ท่านทำไมถึงยอมรับหนูได้ล่ะคะ”
“ไม่ใช่ว่าฉันยอมรับเธอ เป็นเพราะว่าธนพัตยอมรับเธอต่างหาก” ท่าทีของท่านประเสริฐเต็มไปด้วยความใจหาย “สิบปีเต็ม ๆ ตั้งแต่ที่พชิราเสียชีวิตไป ฉันก็คิดว่าธนพัตเด็กคนนี้จะไม่สามารถชอบผู้หญิงอื่นได้อีก หรือว่าทำการแต่งงาน”
สาริศาชะงัก
พชิรา?
คือใคร?
เป็นผู้หญิงที่ธนพัตชอบเหรอ
สาริศาถึงแม้ในใจเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะถามท่านประเสริฐ
“แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ” สายตาของท่านประเสริฐหันมามองสาริศาอีกครั้ง ด้วยแววตาคมกริบ “ตอนแรกฉันคิดว่า เธอก็แค่ภรรยาหุ่นเชิดที่เขามาต่อกรกับฉันเท่านั้น แต่เมื่อเจอกันครั้งก่อน และงานเลี้ยงในครั้งนี้ ฉันก็รู้ว่าเขานั้นหวั่นไหวจริงใจกับเธอจริง ๆ”
ธนพัตหวั่นไหวกับตัวเอง?
คำพูดนี้ของท่านประเสริฐ ทำให้หัวใจของสาริศาเต้นกระตุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แต่ว่าเธอยังคงไม่เห็นด้วย
ถึงแม้ว่าธนพัตจะดีกับตัวเอง แต่ว่าผู้ชายคนนี้ช่างสมบูรณ์แบบมาก สูงเกินไป สาริศาไม่กล้าที่จะคิดอาจเอื้อม เขาดีกับตัวเองไม่ใช่แบบชอบพอของชายหญิงแบบนั้น
แต่แน่นอนว่า เธอไม่ทำการปฏิเสธต่อหน้าท่านประเสริฐ ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่ฟังอย่างเงียบ ๆ
“นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงสามารถรับเธอได้” ท่านประเสริฐกล่าวต่อ ทันใดนั้นในน้ำเสียงได้ซ่อนด้วยความอ่อนล้า “ขอเพียงเธอชอบเขา ฉันก็จะเห็นด้วย”
สาริศามองท่านประเสริฐที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นรู้สึกว่าเวลานี้เขาไม่ใช่หัวหน้าครอบครัวคนที่ทรงพลังของตระกูลกีรติเมธานนท์ แต่เป็นแค่เพียงชายชราธรรมดาที่ต้องการให้ลูกหลานมีความสุขก็เท่านั้น
“แต่” ท่านประเสริฐจู่ ๆ เปล่งเสียงขึ้น น้ำเสียงเชือดเฉือนดังขึ้น “เธอต้องไม่ลืมว่า หน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของเธอคืออะไร”
สาริศาตามอารมณ์ความคิดที่แปรปรวนของท่านประเสริฐไม่ทันจริง ๆ “อะไรคือหน้าที่ความรับผิดชอบคะ”
“แน่นอนว่าออกลูกออกหลานให้กับธนพัต!” ท่านประเสริฐดวงตากลมเบิกกว้าง ราวกับกำลังโมโหสาริศาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ “เธอดูสิ ลูก ๆ ของบุรินทร์โตขนาดนั้นแล้ว แต่ธนพัตอายุปูนนี้แล้วยังไม่มีลูกอีก!”
สาริศาเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
พูดมาตั้งนาน ท่านประเสริฐเรียกตัวเองมาก็เพื่อให้ตัวเองรีบมีทายาทให้กับธนพัต?
ธนพัตกับบุรินทร์ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่อายุนั้นก็ต่างกันมาก บุรินทร์อายุใกล้จะห้าสิบแล้ว แต่ธนพัตยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในครอบครัวครัวตระกูลใหญ่ จะแต่งงานเร็ว มีคนส่วนมากที่อายุสามสิบปีก็มีลูกหลายคนแล้ว
สาริศามีอาการเขินและไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ยังไม่ทันได้ตอบ ท่านประเสริฐก็หรี่ตาลงแล้วกล่าวเบา ๆ :“หนูริศา เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่า ถึงแม้พวกเธอจะแต่งงานกันแล้ว แต่พวกเธอก็ยังไม่เคยเป็นสามีภรรยากันทางกายอย่างแท้จริง!”
ครั้งนี้สาริศาตกใจขึ้นจริง ๆ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...