“ในทางทฤษฎีมันมีความเป็นไปได้” คนที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ ตอบกลับมาอย่างนอบน้อม
“นี่มันจะต้องเกิดขึ้นมาไม่ได้อย่างแน่นอน!” สีหน้าของบุรินทร์ชั่วร้ายออกมา คิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาว่า “อย่างนี้ พรุ่งนี้ฉันจะคิดหาวิธีมาดึงธนพัตเอาไว้ ส่วนนาย ก็คิดหาวิธีกำจัดผู้หญิงที่ชื่อว่าสาริศาคนนั้นไปเสีย”
คนคนนั้นขมวดคิ้วออกมา “คุณชาย ทำไมไม่จัดการธนพัตไปเลยล่ะครับ?”
“นายนึกว่าฉันไม่อยากทำ?” บุรินทร์ยิ้มเย็นออกมา “แต่นายก็รู้ว่าท่านใส่ใจธนพัตแค่ไหน คดีการลักพาตัวเมื่อสิบปีก่อนนั้น เขาแทบจะพลิกทั้งเมืองSไปหมด พวกเราก็เลยยังไม่สามารถจัดการมันซี้ซั้วได้ แต่สาริศานั้นต่างออกไป ก็แค่คนนอก ถึงแม้ว่าจะสืบมาถึงตัวพวกเรา คุณปู่ก็ไม่ทำอะไรหรอก”
“ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
“แล้วก็” จู่ ๆ บุรินทร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก สีหน้าได้นิ่งขรึมออกมา “เรื่องนี้อย่าให้เจ้าภพรู้เป็นอันขาด”
สายตาของคนคนนั้นได้วูบไหวออกมาเล็กน้อย “ครับ”
“นายไปเถอะ”
“ครับ คุณชาย”
……
วันต่อมาสาริศามาที่สำนักพิมพ์ เพิ่งจะทำงานได้สักพักนึง ก็ได้รับข้อความจากธนพัตมา บอกว่าจะออกไปทำงานต่างเมือง ให้เธออย่าลืมเปลี่ยนผ้าพันแผลเอง ดูแลตัวเองให้ดี
เธอตอบกลับไปประโยคหนึ่งอย่างว่าง่าย 【ทราบแล้วค่ะ】 แล้วเริ่มทำงานของตัวเองไป
วันกำหนดพิมพ์บทความก็ใกล้เข้ามาแล้ว สำนักพิมพ์ได้ยุ่งวุ่นวายไปหมด ทำโอทีอยู่นานกว่าจะรีบทำจนเสร็จลงไปได้ไม่ง่ายเลย
สาริศาเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกไปจากสำนักพิมพ์ ปาไปเที่ยงคืนไปแล้ว ประจวบกับที่สนามกีฬาที่อยู่ข้าง ๆ สำนักพิมพ์เหมือนกับว่าจะกำลังมีคอนเสิร์ตกันอยู่ การจราจรแออัดเป็นอย่างมาก เรียกรถมาไม่ได้เลย
ทุกคนต่างก็ปรึกษากันว่าจะติดรถกันไปด้วยกัน แต่ตอนที่ถามว่าบ้านของสาริศาอยู่ที่ไหน เธอกลับตอบออกไปไม่ได้
เธอไม่อาจบอกกับทุกคนไปได้ว่าตนอยู่ที่โซนคฤหาสน์ที่แพงที่สุดในเมืองได้ล่ะมั้ง?
ดังนั้นแล้วเธอก็เลยจำต้องฝืนยิ้มออกไปเล็กน้อย บอกไปว่าสามีของตนกำลังอยู่ระหว่างทางมารับตนแล้ว ให้พวกเขากลับไปก่อนเลย
ทุกคนพากันโห่ร้องกันออกมาว่า “น่าอิจฉาจังเลย” แล้วทยอยขึ้นรถกันไปทีละคน สุดท้ายเหลือแค่สาริศารออยู่ที่หน้าประตูสำนักพิมพ์อยู่แค่คนเดียว
สาริศารอแล้วรอเล่า รอมายี่สิบนาทีไปแล้ว แต่ก็ไม่มีรถมาเลยสักคันเดียว แอปเรียกรถเองก็ใช้ไม่ได้เลย ธนพัตก็ดันไม่อยู่เมืองSอีก เธอเองก็ไม่มีใครที่จะขอให้ช่วยได้
ดังนั้นแล้วเธอก็เลยต้องฝืนรอต่อไป
แต่เธอไม่ทันได้รอให้แท็กซี่มา ก็มีรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดที่ตรงหน้าเธอแทน
เห็นคนที่นั่งอยู่ด้านในรถ สีหน้าของเธอก็ได้แข็งค้างไป แล้วก็ได้ผันร่างเตรียมที่จะเดินออกไปทันที
แต่ไม่นึกว่าประตูรถมันจะเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับได้ตามมา
“สาริศา คุณจะเดินไปไหน!”
สาริศาจำต้องหยุดฝีเท้าลง แล้วหันหน้าไป “คุณธีภพ”
ธีภพเดินเข้ามาที่ตรงหน้าสาริศา สีหน้าดูจนใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเปิดประตูรถออกมา “ขึ้นรถ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”
แต่สาริศากลับไม่ขยับเลย “ไม่ต้องหรอก สามีของฉันเขาจะมารับฉัน”
เธอตั้งใจเน้นคำว่า “สามี” สองคำนี้ออกไป แต่ธีภพเพียงแค่มีสีหน้าจนใจออกมามากกว่าเดิม “สาริศา คุณไม่ต้องจงใจโกรธผมหรอก ผมรู้ว่าอาเล็กกับพ่อของผมออกไปทำงานต่างเมือง”
สาริศานึกไม่ถึงว่าธนพัตออกไปทำงานต่างเมืองเพราะงานของตระกูลกีรติเมธานนท์ สีหน้าอับอายออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน “ฉันเรียกรถเอาก็ได้”
“ดึกขนาดนี้แล้ว คุณจะเรียกรถไปยังไง คุณไม่ต้องกดดันไป ผมก็แค่ส่งคุณกลับไปเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าวันนี้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง ผมก็จะไปส่งอยู่ดี”
พูดออกไปแล้ว เขาก็ได้ยินสาริศายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ จึงอดไม่ได้ที่จะเดือดขึ้นมา ตรงเข้าไปจับแขนของสาริศาเอาไว้ ลากเธอเข้าไปในรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...