จื่อซูกล่าวว่า "ไม่ องค์ชายฮุยหลินมีไข้ ท่านแม่ทัพช่วยนำเขากลับไปส่งที่เมืองก่อน หากให้ข้าพาเขาไป เกรงว่ายามมีภัย ข้าจะไม่สามารถรับมือได้"
“แล้วท่านจะกลับไปได้อย่างไร?” เฝิงซิวหร่านถาม
จื่อซูยิ้มเล็กน้อย "ระยะทางใกล้เพียงนี้ ข้าเดินได้เร็วมากนะ "
เรียวคิ้วที่หล่อเหลาของเฝิงซิวหร่าน ขมวดคิ้วเล็กน้อย และส่ายหัว "ไม่ได้ เท้าของท่านได้รับบาดเจ็บ"
ฮุยหลินดึงแขนเสื้อของจื่อซูไว้ มองไปที่เฝิงซิวหร่าน และพูดอย่างประหม่า: "พี่สาว ข้าไม่ต้องการให้ท่านไป"
จื่อซูตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองเฝิงซิวหร่าน เห็นเพียงว่าใบหน้าของเขาตึงเครียด เย็นชาและมืดมน ไม่น่าแปลกใจที่ฮุยหลินจะกลัว
นางยิ้มและปลอบโยนฮุยหลิน "อย่ากลัว ท่านแม่ทัพเป็นคนดี ท่านลืมแล้วหรือ เมื่อวานเขาช่วยเราไว้"
ฮุยหลินยังคงดึงนางไว้ไม่ยอมปล่อย ใบหน้าเล็ก ๆ ที่แดงก่ำจากพิษไข้ยังคงดื้อรั้น "พี่สาวไปส่งข้าเถอะ "
จื่อซูมองไปที่เฝิงซิวหร่านด้วยความลำบากใจ "ท่านแม่ทัพยินดีที่จะขี่ม้าไปด้วยกันกับข้าหรือไม่ "
ที่จริงเฝิงซิวหร่านก็ไม่ได้วางใจให้นางกลับไปส่งองค์ชายฮุยหลินเพียงลำพัง ในเมื่อนางพูดมาเช่นนี้แล้ว เขาจึงเอ่ยว่า "ข้ามิได้รังเกียจสิ่งใดเลย เพียงแต่ท่าน หากถูกคนพบเห็นเข้า ชื่อเสียงของท่านจะพลอยเสียหายไปด้วย"
จื่อซูยิ้มบางๆ "ชื่อเสียงหรือ? ข้าไม่เคยสนใจ! "
เฝิงซิวหร่านมองนางด้วยความประหลาดใจ จะมีสตรีที่ไม่สนใจชื่อเสียงของนางด้วยหรือ? แม้ว่าจะหมั้นหมายแล้ว แต่หากชื่อเสียงถูกทําลาย ก็อาจจะถูกยกเลิกงานแต่งได้ และแม่บุญธรรม
"หากท่านแม่ทัพไม่รังเกียจก็ไปกันเถอะ จื่อซูนั่งอยู่บนหลังม้าแล้วมองลงไปที่เขา แสงแดดสาดส่องอยู่เบื้องหลังนาง วงกลมจาง ๆ ของแสงที่ส่องอยู่เหนือศีรษะของนาง ด้วยรอยยิ้มสดใสกลับมีร่องรอยของความอ้างว้างที่เขาไม่เข้าใจ
เขามีเรื่องเครงใจเรื่องหนึ่งที่ยังคิดไม่ตก หากว่าคนที่ต้องการจับตัวนางคือคนเดียวกับที่ต้องการจับตัวองค์ชาย แล้วเหตุในคนที่ลงมือกับนาง กลับไม่ใช่ผู้ที่ลงมือกับลูกชายของนายท่านกั๋วกง?
ในเมืองหลวงทุกคนต่างรู้กับทั่วว่า ท่านกั๋วกงมิได้ให้ความสำคัญกับลูกสาวคนนี้มากนัก
และดูเหมือนนางจะไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้สึกว่า อย่างน้อยนางก็มีแผนอยู่ในใจ
แน่นอนว่า สิ่งที่เขายิ่งคิดไม่ออกอีกก็คือ ม้าของเขาที่ไม่เคยยอมมให้ผู้ใดขี่นอกจากเขา แค่เข้าใกล้ก็อารมณ์เสีย แต่กลับยอมให้เฝิงจื่อซูขี่อย่างเชื่อฟัง
เนื่องจากนางและฮุยหลินนั่งอยู่บนหลังม้าก่อนแล้ว เมื่อเขาขึ้นนั่งบนม้าจึงค่อนข้างทุลักทุเล ซึ่งอย่างน้อย ก็รับประกันได้ว่าไม่ได้โดนตัวนาง
แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ อานนั้นใหญ่มากแม้ว่านางจะพยายามขยับตัวไปข้างหน้า แต่หลังจากที่เขานั่งลง ร่างของทั้งสองก็ยังคงอยู่ใกล้กันอยู่ดี
สําหรับองค์ชายฮุยหลิน เขาโอบต้นคอของนางด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ได้เหลือช่องว่างใด ๆ แต่ก็ยังดูแคบมาก
เขาฉีกเสื้อคลุมออกแล้วยื่นให้จื่อซู “ท่านปิดใบหน้าไว้ อย่างน้อยก็อย่าให้ผู้ใดจําท่านได้"
จื่อซูกล่าวว่า "ข้าไม่รังเกียจ"
เฝิงซิวหร่านพูดเสียงค่อย "อย่างน้อย ข้าก็ต้องรักษาหน้าของเหวินเซวียน”
ร่องรอยของความแปลกประหลาดฉายแววขึ้นในดวงตาของจื่อซู ที่จริงเฝิงซิวหร่านก็รู้ว่าหานเหวินเซวียนไม่ชอบเขา ทัศนคติของเขาที่มีต่อหานเหวินเซวียนเพียงทำในสิ่งที่พี่ชายอย่างเขาควรทำ แต่เขาคิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ ไม่มีผู้ใดรู้
จื่อซูทําตามคําสั่งของเขา ปิดบังใบหน้าไว้ แล้วจึงเริ่มขี่กลับเข้าเมืองอย่างช้าๆ
อาการบาดเจ็บของเขาหนักกว่าของจื่อซู จื่อซูได้กลิ่นเลือดบนร่างกายของเขา เช่นเดียวกับกลิ่นอบอวลจาง ๆ ของไม้กฤษณา
ร่างกายขององค์ชายร้อนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทําให้จื่อซูวิตกกังวลมาก
“หากม้ายังพอรับไหว ก็สามารถวิ่งเร็วกว่านี้ได้ใช่หรือไม่" จื่อซูกล่าว
"ข้าเกรงว่าท่านจะไม่ทนไม่ไหว เพราะท่านได้รับบาดเจ็บ" เฝิงซิวหร่านเอ่ยเสียงค่อย และเมื่อม้าเริ่มควบวิ่งเร็วขึ้น ทั้งสองคนก็ไม่สามารถรักษาระยะห่างต่อกันไว้ได้อีก
แม้ว่าจะอยู่บนหลังม้า แต่ก็ไม่มีระยะห่างให้รักษา
“องค์ชายไข้ขึ้น ต้องรีบไปหาหมอทันที” จื่อซูเอื้อมมือออกไปแตะหน้าผากขององค์ชายฮุยหลิน เอ่ยด้วยความตกใจ "ต้องเร่งความเร็วแล้วจริงๆ หากช้าเกรงว่าจะเกิดเรื่อง บาดแผลของข้าไม่ได้สาหัสนัก บาดแผลแค่นี้จะเท่าไหร่กันเชียว?"
เมื่อเฝิงซิวหร่านได้ยิน ก็หวดแส้ลงบนตัวม้าแล้วควบม้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...