จู่ๆเฝิงซิวหร่านก็ถามขึ้น "เหตุใดโจรภูเขาถึงต้องการจับตัวท่าน ท่านรู้หรือไม่" "
จื่อซูกล่าวว่า "ข้าไม่รู้ บางทีมันอาจจะมีจุดประสงค์เดียวกับการจับตัวองค์ชาย"
มันไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวหาซั่งกวนป๋าและสำนักจิงจ้าวโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ เพราะรังแต่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
ซั่งกวนป๋าไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ และตอนนี้เฝิงซิวหร่านก็ยังไม่ได้เชื่อใจตนแบบเต็มร้อย ยังดีเสียกว่าที่จะชี้นำให้เขาคิดไปในทางที่เธอคาดเดา
เฝิงซิวหร่านเองก็ยอมรับคำอธิบายนี้ เดิมทีเขาเดาว่าองค์ชายถูกจับตัวจากกรณีที่มีขุนนางฉ้อฉลของเมืองฝูโจวและขุนนางในราชสำนักของเมืองหลวง ใต้เท้าหานเป็นผู้ตรวจการของศาลาว่าการ เฝิงกั๋วกงเป็นรองผู้ตรวจการที่ศาลาว่าการ ดังนั้นอาจมีคนคิดอยากใช้ลูก ๆ ของพวกเขามาข่มขู่พวกเขา
หากการคาดเดานี้ถูกต้อง ก็สามารถพูดได้ดว่า คนผู้นี้สมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขา
“ท่านออกมากับเด็กน้อย มีใครรู้หรือไม่?” เฝิงซิวหร่านถาม
จื่อซูรู้ว่าเขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมาก เดิมทีคิดว่าเขาจะหยุดคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่อันตรายนี้ รอให้กลับไปที่จวนเพื่อปักหลักแล้วถึงค่อยคิดอีกครั้ง แต่สมองของเขาก็ช่างทำงานได้ดีขึ้นมาทันที
จื่อซูอดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจเบา ๆ คนคนนี้ฉลาดจนน่ากลัวจริงๆ
“คงจะเป็นคนในจวนของข้า” จื่อซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“นอกจากคนในจวนของท่าน ยังมีใครอีก?” เฝิงซิวหร่านถามต่อ
จื่อซูครุ่นคิดทบทวนอย่างจริงจังครู่หนึ่ง "ไม่มีแล้ว "
นางรู้ว่าเฝิงซิวหร่านเริ่มเดาได้ถึงความเกี่ยวข้องกับคนในจวนกั๋วกงแล้ว
"ในวันนั้นข้าเห็นท่านกับแม่ทัพซั่งกวนแข่งขันกัน พวกท่านมีความแค้นส่วนตัวระหว่างกันหรือไม่?” เฝิงซิวหร่านถามอีกครั้ง
น้ำเสียงของจื่อซูที่ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด มีความเยือกเย็นที่อธิบายไม่ได้อยู่ "เรื่องความแค้นส่วนตัวข้าเองก็มิอาจพูดได้ แต่ท่านอาจรับรู้เกี่ยวกับเรื่องซั่งกวนเฟยเอ๋อร์ และหานเหวินเซวียนแล้ว"
เฝิงซิวหร่านเอ่ยเสียงค่อย "ข้ามิได้รับรู้เรื่องราวมากนัก "
"ซั่งกวนเฟยเอ๋อร์ กําลังตั้งท้องลูกของคู่หมั้นของข้า และนางต้องการแต่งงานเข้าจวนโหว ก็แค่นั้น” จื่อซูพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูใจเย็นมาก
ความเงียบค่อยๆ แผ่ขยายกระจายออกไปในความมืด ผ่านไปอีกหลายนาที เฝิงซิวหร่านถึงได้เอ่ยอีกครั้ง "พ่อบุญธรรมบอกว่า นายหญิงของจวนโหวในอนาคต ต้องเป็นท่านเท่านั้น "
คําพูดเหล่านี้ดูเหมือนเป็นการปลอบโยน เพียงแต่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไร
จื่อซูไม่ออกความคิดเห็นใด แต่ก็ยังพูดตามมารยาทว่า "ขอบคุณ!"
ทั้งสองไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฮุยหลินก็หลับไปแล้ว แต่เขายังคงจับแขนเสื้อของจื่อซูไม่ยอมปล่อย
เมื่อฟ้าเริ่มสาง ทำให้เห็นว่าเห็นเสี่ยวเฮยวิ่งหนีเข้ามา พวกโจรภูเขาก็น่าจะถอยกลับไปแล้ว
“เราควรไปจากที่นี่ทันที” จื่อซูลุกขึ้นยืน ยืดกล้ามเนื้อที่ยึดตึง "ตอนนี้แหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว คาดว่าคืนนี้พวกโจรภูเขาต้องย้ายฐานแน่ ท่านแม่ทัพต้องกลับไปนำกำลังพลมาปราบปรามพวกโจรภูเขา "
ใบหน้าหล่อเหลาของเฝิงซิวหร่านราวกับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง "ไปกันเถอะ" "
เขาอุ้มฮุยหลินขึ้นมา และทั้งสามคนก็เริ่มลงเขาอย่างช้าๆพร้อมกับหมาป่าตัวหนึ่ง
อาการบาดเจ็บของจื่อซูไม่ถือว่าสาหัสมากนัก เพียงแต่ การเดินลงเขาก็เป็นเรื่องที่ทรหด เมื่อขยับร่างกายก็จะเจ็บบาดแผล และมีเลือดออก เดินไปได้เพียงหนึ่งลี้ แขนและน่องก็มีโลหิตเปื้อนเต็มไปหมดแล้ว
“ให้ข้าแบกท่านเถอะ” เฝิงซิวหร่านจับมือนาง และพูดด้วยสีหน้าจืดจาง
จื่อซูส่ายหัว "แผลเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร "
เฝิงซิวหร่านวางฮุยหลินลง และดึงนางให้นั่งลง "ข้าจะช่วยท่านพันแผลอีกครั้ง เพื่อให้เดินได้ง่ายขึ้น"
ที่ร้ายแรงที่สุดคือบาดแผลจากคมกระบี่ที่น่องของนาง
จื่อซูก็ไม่ได้ขัดแย้ง นางนั่งลง และยกชายกระโปรงขึ้น และดึงขากางเกงขึ้น น่องซ้ายปูดบวมไปทั้งขา แผลลึกลากยาวประมาณหนึ่งนิ้ว ผิวหนังเปิดออก ซ้ำยังมีเลือดไหลออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...