ตอนนี้ยังไงก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันเปียกชุ่มคอเสื้อ ด้านนอกไม่มีเสียงเลย เธอไม่รู้ว่ามรุเดชได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเธอหรือไม่ แต่สิ่งที่แน่ใจคือ เขาไม่เคยใส่ใจความตายเธอ เขาจะไม่แยแสเธอ
เบญญาหยุดเสียงกะทันหัน เธอเช็ดน้ำตาลวกๆ ร่างกายไหลลงมาจากบานประตูขดตัวอยู่ที่พื้น เอาฟันกัดหลังมือ ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
วัยเยาว์ของเธอ ความรักของเธอ การแต่งงานของเธอทั้งหมดนี้มรุเดชเริ่มก็ปล่อยให้เขาจบมัน
มรุเดช ฉันชอบนายมาสิบหกปี ชีวิตมนุษย์มีกี่สิบหกปี ทำไมนายถึงอาศัยที่ฉันชอบนายมารังแกฉันแบบนี้?
เบญญาเปล่งเสียงร้องไห้กระซิกด้วยความเจ็บปวด ข้าวเช้าเธอไม่ได้กินดื่มแค่นมแก้วเดียว ตอนนี้หิวแล้ว กระเพาะกระตุกด้วยความทรมาน
เบญญายืมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ในร่างกายวิ่งและคลานเข้าไปในห้องน้ำ เปิดถังชักโครกแล้วอาเจียนออกมา สิ่งที่อาเจียนออกมาเป็นกรดทั้งหมด มันแสบคอจนเจ็บปวด
อาเจียนเสร็จในกระเพาะก็ตะคริวกิน เบญญารู้ว่าเธอจะอาเจียนอีกไม่ได้แล้ว ไม่งั้นจะเห็นเลือด เธอกุมปากแน่นเปล่งเสียงครวญครางเจ็บปวด
เบญญากลับห้องเปิดลิ้นชักเอายาสองขวดนั้นออกมา อีกสามวันต้องพึ่งสิ่งนี้ ในห้องไม่มีน้ำสะอาด เบญญาทำได้แค่อมยาแล้วดื่มน้ำประปาในห้องน้ำ
หลอดอาหารของเธอบอบบางกว่าคนทั่วไป เม็ดยาแห้งฝาดติดอยู่ในลำคอ ค่อยๆ ละลายเป็นความขมเข้มข้น เบญญาทำให้ตัวเองย่ำแย่มาก กลั้นอาเจียนพลางบังคับกลืนยาสี่เม็ดลงไป
หลังจากกลืนยาลงไปแล้ว เบญญาก็อาเจียนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ยาที่เพิ่งกลืนลงไปเหมือนกลับสู่ลำคออีกครั้ง เธอปิดปากแน่น ความขมคละคลุ้งอยู่ในปากตลอดเวลา แล้วก็หายไปจนหมด
เบญญาขดตัวอยู่บนเตียง กอดผ้าห่มตั้งแต่กลางวันจนมืด อากาศแต่เดิมที่ร้อนอบอ้าวกลายเป็นฤดูหนาวเดือนสิบสอง หนาวแข็งจนสูญเสียสติ
ดวงตาเบญญาล่องลอยไม่แน่นิ่ง สายตายิ่งมืดลงเรื่อยๆ เธอเริ่มซ่อนตัวในผ้าห่มเหมือนเต่า
ด้านนอกมีเสียงฟ้าร้อง มีสายฟ้าแลบผ่าลงมา แสงไฟส่องเข้ามาในห้องนอนผ่านกระจกโดยทันที
ห้องนอนที่ถูกเธอตกแต่งอย่างอบอุ่นในวันปกติ ตอนนี้มันดูน่ากลัวมาก แสงเงาที่หน้าต่างกระจกตัดสลับกัน เกิดสายฟ้าแลบครั้งใหญ่อีกครั้งดัง “ครึน!” ราวกับจะฉีกขาดท้องฟ้าทั้งผืน
“กรี๊ด!” เบญญาเปล่งเสียงกรีดร้อง กอดผ้าห่มเอาไว้ ร่างกายเหงื่อแตกพลั่ก
ค่ำคืนฝนตกฟ้าร้องอันมืดมิดจนไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้า เมื่อคนตกอยู่ในความหวาดกลัวมักจะคิดเพ้อเจ้อ คิดว่าเพดานจะปรากฏสัตว์ประหลาดมากลืนกินเธอ คิดว่าข้างเตียงจะมีมือหนึ่งยื่นออกมาดึงเธอ เธอไม่กล้าขยับไปไหน ทำได้แค่กอดไหล่ตัวเองเอาไว้แน่น
“ม……มรุเดช”
“มรุเดช……”
“มรุเดช!” เธอตะโกนเรียกชื่อคนนั้น ตั้งแต่เริ่มสั่นระริกจนกระทั่งสุดท้ายอ่อนเพลียเสียงแหบแห้ง ราวกับจะควักคนคนนี้ออกมาจากหัวใจอย่างโหดเหี้ยม
ในห้องว่างเปล่าไม่มีใครตอบเธอ ได้ยินแค่เสียงฟ้าร้องทุ้มต่ำดังขึ้นด้านนอกเท่านั้น
เธอเหมือนโดนทอดทิ้ง ไม่มีใครต้องการเธอ และไม่มีใครจำเธอ
เบญญาเริ่มน้ำตาไหลอีกครั้ง เธอแยกไม่ออกว่านี่คือน้ำตาทางกายภาพ หรือทางจิตใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน