เบญญาโดนขังไว้ในห้องนอนสามวัน เธอออกไปไม่ได้ โทรศัพท์วางไว้ข้างนอกติดต่อขอความช่วยเหลือไม่ได้
วันแรกยังทนไหว แต่วันต่อมาร่างกายยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
น้ำประปาไม่ได้กรอง ดื่มแล้วทนไม่ไหวเธอจึงดื่มเพียงนิดเดียว หิวก็เคี้ยวกระดาษทิชชูกลืนลงไป ปวดท้องก็กินยาโรคกระเพาะกับยาแก้ปวด
เพื่อรักษาเรี่ยวแรงเบญญานอนบนเตียงอยู่ตลอด เหงื่อบนร่างกายเปียกชื้นแล้วแห้ง แห้งแล้วชื้น ซ้ำไปมาไม่หยุด ใบหน้าเธอที่ซีดเซียวในตอนแรกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผนังด้านหลัง เมื่อโดนแสงส่อง จะรู้สึกว่าเธอโปร่งแสง
สามวันยาวนานเกินไปแล้ว เบญญาไม่เคยมีช่วงเวลาที่ทรมานแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะตกกลางคืน นั่งอยู่ในความมืดมิด เวลาก็เหมือนหยุดลง
เธอหลับตาลงอย่างด้านช้า สมองไม่รู้สึกรู้สา ร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งอ่อนเพลียมาก แค่ประมาทเพียงเล็กน้อยจะทำให้ร่างกายตัวร้อนเป็นไข้ เธอลูบศีรษะตัวเอง ไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ทำได้แค่วัดด้วยมือเท่านั้น อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจริงด้วย
ดวงตาเธอแห้งจนเจ็บ ลืมตาก็ปวดหลับตาก็นอนไม่หลับ ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไป สมองเบญญายิ่งเชื่องช้าขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเครื่องจักรที่ขึ้นสนิมกลายเป็นอืดอาดขึ้นมา
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ประคับประคองเธอคือสิ่งที่มรุเดชพูด ตราบใดที่ขังสามวัน เธอก็จะออกไปได้
แค่ว่าเมื่อไรมันจะถึง?
เธอลูบผ้าห่มที่คลุมตัว หดศีรษะเข้าไปอีกครั้ง ร่างกายที่กอดไว้หดแน่นเป็นลูกบอล มันแปลกประหลาดมาก ทั้งๆ ที่ร่างกายมีผ้าห่มคลุมแต่ยังหนาวมาก รูขุมขนทั้งร่างกายซึมซาบไปด้วยไอเย็นเฉียบ หนาวจนนิ้วเท้าเธองอเกร็ง
กระเพาะเจ็บปวดมาก แม้แต่อวัยวะอื่นๆ ก็เจ็บปวดร่วมด้วย ราวกับติดเชื้อเซลล์มะเร็ง ผุพังตามกระเพาะไป เบญญาเจ็บจนกัดฟันกรามแน่น ในปากเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
……
เรี่ยวแรงทั้งหมดของเบญญาในตอนนี้ใช้ไปกับการต่อสู้ความเจ็บปวดของโรค เธอไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
พุ่มเทียน กรุ๊ปประสบวิกฤตกาลครั้งใหญ่ที่สุด หุ้นตกฮวบ การหายตัวไปของเบญญาทำให้จิตใจคนทั้งบริษัทหวาดผวา
ช่วงนี้สาวินประสบความล้มเหลว โปรเจ็คบ้านและที่ดินที่เขาลงทุนในช่วงนี้กลายเป็นเหมืองถ่านหิน ภูเขาถ่านหินถล่ม ฝังคนงานทั้งเป็น 32 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 10 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส 15 คน และเสียชีวิต 7 คน
ขุดเหมืองผิดกฎหมายทำให้คนเสี่ยงตาย สาวินไม่โดนยิงเป้าก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุก
ถึงแม้ทั้งพุ่มเทียน กรุ๊ปช่วยเหลือเขาก็ช่วยเขากลับมาไม่ได้ เบญญาที่โดนขังสามวันจากลูกสาวคนโตของพุ่มเทียนกลายเป็นลูกสาวนักโทษภายในคืนเดียว ทุกคนในเน็ตสบถด่า
เรื่องที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ วันเดียวทุกคนรู้กันหมด มรุเดชเห็นเรื่องราวคืบหน้าพอสมควรแล้ว ก็เตรียมไปรับเบญญามาดูละครสนุกที่เกิดขึ้น
เวลาที่ศาลตัดสินสาวินคือสิบโมงเช้า เขาจะพาเบญญามาดูพ่อเธอโดนตัดสินประหารชีวิตด้วยตาตัวเอง เขาคิดว่าสีหน้าเบญญาในตอนนั้นจะต้องยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ
เดิมทีบอกว่าจะขังเบญญาสามวัน สรุปคือวันที่สี่เจ็ดโมงเช้าถึงไปรับเธอ
มรุเดชอารมณ์ดี ขณะขับรถมุมปากก็ยิ้มดีอกดีใจ
มรุเดชกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เดินตรงไปที่ห้องนอน ทั้งคฤหาสน์เงียบไร้เสียง ทำให้ไม่รู้สึกว่าที่นี่มีคนอยู่
กุญแจในมือเกิดเสียงกุกกัก มรุเดชก้มหน้าไม่สนใจไยดี เลือกดูทีละอัน สุดท้ายก็เจอกุญแจห้องนอนอันสุดท้ายในพวงกุญแจ
เขาเล็งรูกุญแจแล้วหมุนทวนเข็มนาฬิกาสองรอบ แค่ได้ยินเสียงแกร็ก ประตูก็เปิดออก มรุเดชกดลงช้าๆ แล้วดันประตูเดินเข้าไป
ในห้องมืดสลัวมาก ผ้าม่านบดบังหน้าต่างทุกบาน บังแสงจากด้านนอกอย่างแน่นหนา มรุเดชมองไปรอบๆ สุดท้ายก็เห็นเบญญาที่นอนโค้งเป็นลูกบอลอยู่มุมเตียง
เขาเปิดไฟ เสียงเบาๆ ทำให้หญิงสาวบนเตียงสั่นระริก มรุเดชขมวดคิ้วแน่น
เบญญากำลังทำอะไร? เขาเข้ามาแล้วทำไมยังไม่ตอบสนอง?
“เบญญา” มรุเดชเดินเข้าไปดึงผ้าห่มออก เบญญาที่โดนขังมาเกือบสี่วัน สีหน้าซีดเซียวผอมแห้ง สีปากสีเขียวซีด ทั้งร่างเหมือนสิ่งของเปราะบาง ราวกับว่าแค่แตะเบาๆ แล้วจะหัก
มรุเดชไม่เคยเห็นเบญญาอ่อนแอแบบนี้มาก่อน หัวใจบิดโดยอธิบายไม่ได้ มันเจ็บมาก
“ลุกขึ้นมาซะ แกล้งตายทำไม!” เมื่อนิ้วสัมผัสแขนเธอ ถึงได้พบว่าร่างกายเธอเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง
ในใจมรุเดชลนลาน โน้มเอวลงไปอุ้มเบญญาที่ผอมบางขึ้นมา น้ำหนักเบากว่าเมื่อสามวันก่อนอีก ที่แท้ไม่กินข้าวสามวันก็สามารถทำให้ผอมลงขนาดนี้
อุ้มอยู่ในอ้อมกอดรู้สึกเหมือนอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่ง ทั้งร่างเหลือแค่กระดูก และเป็นผดผื่น
แสงด้านนอกค่อนข้างแสบตา ขนตาเบญญาไหวพลิ้วยกขึ้นมา ดวงตาสวยคู่นั้น ด้านในมันกระจัดกระจายไม่สามารถรวบรวมได้ มันว่างเปล่าจนไม่มีชีวิตชีวา
ในที่สุดเธอก็ทนมาได้
เบญญาเงยหน้าเล็กน้อยมองคางมรุเดช ริมฝีปากบาง จมูก ดวงตาของเขา สายตากวาดมองทีละนิด
น้ำตาที่กลั้นมาสามวันไหลออกมา มรุเดชรู้สึกได้ พอก้มหน้าลงไป เบญญาก็จ้องเขม็งเขาน้ำตานองหน้า
เบญญามักจะจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ข้างในลึกซึ้งจนไม่เห็นก้นบึ้ง เมื่อก่อนมรุเดชรู้สึกว่ามันน่าขยะแขยงมาก แต่ดวงตาเบญญาในตอนนี้มันสูญเสียแสงสว่าง ด้านในมันมืดมิด ไม่ว่าเขาจะหายังไงก็หาไม่เจอความลึกซึ้งนั้นแม้แต่นิด
ในใจมรุเดชกระตุก เหมือนโดนค้อนหนักทุบ เจ็บปวดอึดอัดเหลือเกิน
เบญญาขาดน้ำอย่างรุนแรง รวมถึงทรมานจากอาการป่วย ทั้งร่างเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ไม่มีแรงจะพูด เธอเค้นลำคอพูดออกมาสองคำอย่างยากลำบาก “ไปไหน?”
มรุเดชอุ้มเธอมาที่ลานจอดรถแล้ว “ไปโรงพยาบาล”
“ฉันไม่ไปโรงพยาบาล” เธอไม่ชอบเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เด็ก สำหรับเธอโรงพยาบาลคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม แม่เธอก็ตายในนั้น และอาการป่วยของเธอ ไปโรงพยาบาลตรวจแล้วต้องปิดบังมรุเดชไม่ได้แน่
มรุเดชเหลือบมองเธออย่างเมินเฉย “ไม่ไปโรงพยาบาลเธออยากตายเหรอ?”
เธอใกล้ตายอยู่แล้วอ่ะ เบญญาไอไม่กี่ครั้งก็เจ็บโดนกระเพาะ เธอกดมันแน่น พูดขึ้นด้วยเบ้าตาเปียกชื้นที่สั่นเทา “เรา……ไปหย่าที่สำนักกิจการพลเรือนกันเถอะ”
“เธอยังอยากหย่ากับฉันอยู่เหรอ?”
ตอนนี้สีหน้ามรุเดชเย็นชาดุดันราวกับฤดูหนาว สายตากวาดมองหน้าเบญญา โหดเหี้ยมเหมือนมีดนับไม่ถ้วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน