ตอนที่มรุเดชพาเบญญาไปส่งที่โรงพยาบาลเธอก็หมดสติไปแล้ว เธอถูกนำตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ผลตรวจออกมาดีกว่าครั้งที่แล้วนิดหน่อยเดิมทีร่างกายของเบญญาก็อ่อนแออยู่แล้วพอสภาพจิตใจถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงจึงทำให้หมดสติไป ดีที่นำตัวมาส่งโรงพยาบาลทันเวลา ไม่อย่างนั้นจะต้องเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอนเบญญาหมดสติไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง มรุเดชส่งคนไปนำร่างของสาวินส่งเข้าในเมรุ เซ็นชื่อเผาศพ ก่อนจะให้พิรัชย์หาสุสานที่ฮวงจุ้ยดีๆการตายของสาวินทำให้ในอินเทอร์เน็ตโกลาหลวุ่นวายอยู่ชั่วขณะ ครรชิตเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จยังไม่ทันได้พักผ่อนก็ได้ยินเสียงสนทนาพูดคุยของนางพยาบาลที่เดินผ่านมาเขาสีหน้าเปลี่ยนไป ดึงนางพยาบาลเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความรีบร้อนลนลาน"คุณบอกว่าใครตายนะ?""ก็สาวินน่ะสิคะ อาทิตย์ที่แล้วศาลพิจารณาคดีครั้งแรกตัดสินโทษประหารชีวิต วันนี้พิจารณาคดีครั้งที่สอง ผลปรากฏว่าระหว่างทางเขาแย่งโทรศัพท์ของคนที่สัญจรไปมาหนึ่งคนกระโดดตึกตายแล้ว..."ตอนนี้ครรชิตไร้ซึ่งสีหน้าท่าทางใดๆ หน้าอึ้งตะลึง สิ่งที่คิดอยู่ภายในใจคือ สาวินตายไป แล้วเบญญาล่ะ?วันนี้เธอไปฟังศาลพิจารณาคดีที่ศาลไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอรู้แล้วยัง? คำถามมากมายผุดขึ้นมาภายในใจนางพยาบาลที่อยู่ด้านหน้ามองสำรวจเขาด้วยความไม่เข้าใจ จากนั้นก็จากไปด้วยความรู้สึกละอายครรชิตหยิบโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อกาวน์อย่างอกสั่นขวัญหาย มือสั่นเทา เขาโทรศัพท์ไปหาเบญญาก่อน พอไม่มีคนรับสายก็โทรศัพท์ไปหานางพยาบาลของเบญญา หลังจากที่เสียงรอสายดังได้สามวินาทีอีกฝ่ายก็รับสายแล้ว"คุณหมอชิต"ครรชิตพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงลนลาน"เบญล่ะ? คุณอยู่กับเธอไหม?""อยู่ค่ะ""เธออยู่ที่ไหน?""คุณเบญญาอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอเพิ่งจะดูพ่อของเธอเสร็จ สภาพจิตใจรับไม่ไหวก็เลยหมดสติไปค่ะ..."ครรชิตเริ่มวิ่งตรงไปที่ห้องผู้ป่วย วิ่งไปพลางพูดขอโทษกับผู้ป่วยและนางพยาบาลที่สัญจรไปมาไปพลาง จากนั้นก็พูดกับโทรศัพท์"ผมจะไปเดี๋ยวนี้"ระหว่างทาง ครรชิตรู้สึกเป็นกังวลใจ ในหัวล้วนแต่เป็นคำพูดประโยคนั้นของนางพยาบาล เบญญาถูกกระตุ้นจนหมดสติไปเบญญาในตอนนี้อยู่ในช่วงที่จำเป็นต้องมีคนคอยปลอบประโลมเธอมากที่สุด แต่พอเจอกับเธอแล้วควรจะพูดอะไรดีล่ะ?คำว่า ขอแสดงความเสียใจด้วย คำพูดนี้มันก็เหมือนกับโรยเกลือบนบาดแผลของเธอ คำพูดที่โหดร้ายขนาดนี้เขาพูดไม่ออกหรอกระหว่างที่วิ่ง จู่ๆครรชิตก็การกระทำช้าลง สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น...เบญญานอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบสงบ ริมฝีปากซีดเทาตาปิดสนิท มรุเดชนั่งอยู่ข้างๆเธอ บีบมือของเธอเบาๆวางลงบนฝ่ามือให้ความอบอุ่นกับเธอเขาเริ่มรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้นิดหน่อยแล้ว แต่ความสงสารมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกรัก เขานั้นรู้ดีกว่าใครว่าเขาไม่ได้รักเบญญาก็เหมือนกับที่เบญญาพูด เขาโหดร้ายกับเธออย่างมาก แต่ขอแค่ให้เขามีความรู้สึกให้กับเธอแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มีทางอาลัยอาวรณ์ที่จะกระทำแบบนี้กับเธอเหมือนกัน ดังนั้นคนที่เขารักควรจะเป็นนันท์นลินที่อยู่ด้วยกันกับเขามาจนโต คนที่เคยช่วยชีวิตของเขาเอาไว้เมื่อหกปีก่อนเขาเคยสัญญากับนันท์นลินว่าจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต เขาจะชอบคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้คนคนนี้จะเป็นภรรยาแค่ในนามของเขาก็ตาม มรุเดชถอนหายใจออกมาเบาๆ สายตาค่อยๆพรรณนาหน้าตาของเบญญาอย่างช้าๆปีนี้เบญญาอายุไม่เกินยี่สิบสี่ปี ทุกส่วนโค้งภายใต้หน้าตาที่สวยงามล้วนแต่ประณีตละเอียดอ่อนเหมือนกับใช้ไม้บรรทัดมาวัด มุมปากยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ตอนที่สีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกก็ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกำลังยิ้มอยู่ส่วนสิ่งที่ชวนให้รู้สึกทึ่งตกใจที่สุดก็คือสองตาคู่นั้นของเธอ ดำแววเปล่งประกายราวกับตาของแมว ตอนที่มองก็ดูเชื่อฟังอย่างถึงที่สุด โครงกระดูกสวยงามมาก แม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าที่สกปรกขาดรุ่งริ่ง แต่ก็ปกปิดความสว่างแวววาวที่ตัวเอาไว้ไม่ได้ภายในเมืองที่มีสาวสวยมากมายแบบเมืองไทรแห่งนี้ ความสวยงามของเธอนั้นให้ความรู้สึกกดขี่อย่างแรงกล้าท่ามกลางเหล่าบรรดาผู้หญิงทั้งปวง ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกินที่จะจ้องมองไปตรงๆนี่มันไม่เข้ากันกับชื่อที่อ่อนโยนของเธอเลยสักนิด คนคนหนึ่งถ้าเกิดสวยงามมากเกินไป ก็จะถูกคนมองว่าแตกต่างได้อย่างง่ายดายรอบตัวของเบญญามักจะมีสายตาอยู่สองประเภทที่จับจ้องมาที่เธอ สายตาแรกคือ สายตาที่อิจฉาริษยาของผู้หญิง สายตาที่สองคือ สายตาที่หลงใหลคลั่งไคล้ของผู้ชายหกปีก่อน ตอนที่มรุเดชเจอกับเบญญาครั้งแรกที่งานเลี้ยง ชุดเดรสสีแดงที่สะดุดตาของเธอช่วงชิงสายตาของทุกๆคนมรุเดชในตอนนั้นเปรียบเปรยว่าเบญญาเป็นดอกกุหลาบแดงดอกหนึ่งที่หันหน้าให้กับแสงอาทิตย์ ดึงดูดความสนใจ แต่ตอนนี้ ดอกกุหลาบแดงกลับเหี่ยวเฉา รากเหง้าเน่า บอบบางอ่อนแอ แค่สัมผัสเบาๆก็ร่วงโรยป่นปี้แล้วเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นขมขื่นเหมือนกัน เห็นๆอยู่ว่าเป็นคนที่ช่างยิ้มคนหนึ่งแท้ๆ แต่ช่วงหลายปีมานี้แม้แต่นอนก็ยังขมวดคิ้ว เป็นความทุกข์เศร้าที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ขนตาของเบญญาสั่นเบาๆ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นมรุเดชนั่งอยู่ตรงหน้า มือยื่นออกมา จ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่นิ่งขรึมเล็กน้อยมรุเดชพอเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว ก็ดึงมือกลับไปด้วยความอึดอัด"หิวน้ำไหม? ดื่มน้ำสักหน่อยไหม?"เบญญาลืมตาขึ้นอย่างนิ่งเฉย ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก เบญญาที่สภาพเป็นแบบนี้ทำให้มรุเดชรู้สึกตื่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับถูกช่วงชิงจิตวิญญาณไป อารมณ์บนใบหน้าก็เหมือนกับหายไปชั่วขณะ"มรุเดช ที่นายเจอกับพ่อของฉันก่อนหน้านี้นายได้พูดอะไรกับเขาใช่ไหม?"มรุเดชที่กำลังหยิบน้ำร้อน พอได้ยินคำพูดนี้มือก็สั่น ไม่ทันได้ระวังน้ำร้อนกระเด็นใส่หลังมือของเขา ความแสบร้อนเจาะผิวหนังเข้าไปสู่ภายในหัวใจมรุเดชไม่ได้พูดอะไรแต่สันหลังที่แข็งทื่อของเขามันยืนยันการคาดเดาทั้งหมดของเบญญาแล้วใบหน้าของเบญญายังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึก สายตามองเพดานอย่างมืดมัว นึกถึงประโยคสุดท้ายที่สาวินพูดกับเธอในโทรศัพท์น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกครั้ง"ก่อนที่พ่อของฉันกระโดดตึกได้สั่งกำชับคำพูดสุดท้ายกับฉันว่าให้ฉันระวังนายเอาไว้..."คนที่เข้าใจสาวินต่างก็นึกว่าเขาเป็นคนที่โง่เขลา อยู่ในบ้านไม่กลัวใครทั้งนั้น อยู่ข้างนอกกลับขี้ขลาด เป็นคนอ่อนแอคนหนึ่ง คนแบบเขา จะเอาความกล้าจากไหนไปกระโดดตึกตาย?นอกจากว่าเขาจะเจอกับเรื่องที่ทำให้เขาต้องฆ่าตัวตายถึงจะแก้ไขได้ เบญญาครุ่นคิดอยู่นานสองนาน คนที่สามารถทำให้พ่อที่ขี้ขลาดคนนี้ของเธอสลัดความกลัวทิ้งไปแล้วเลือกที่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตายได้นั้น เกรงว่าจะมีเพียงแค่มรุเดชคนเดียวท่านั้นที่สามารถทำได้"พ่อของเธอฆ่าตัวตายแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?"ไม่นานสีหน้าของมรุเดชก็กลับมาปกติตามเดิม เขาถือแก้วน้ำหันตัวมาจ้องมองตาของเบญญาตรงๆ"บางทีเขาอาจจะรับไม่ได้กับการประณามของจิตใจที่รู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเอง ก็เลยฆ่าตัวตายก็ได้ หรือไม่ก็รู้สึกว่าแทนที่จะใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็นในคุกตลอดไป สู้ตายไปอย่างสงบซะจะดีกว่าก็ได้""เป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?"สายตาของเบญญาเหมือนกับจะมองทะลุผิวหนังของมรุเดช ดูว่าหัวใจดวงนั้นของเขามันทำมาจากอะไรกันแน่"มรุเดชถ้าฉันสัญญาว่าจะไม่หย่ากับนาย นายจะคืนพ่อของฉันมาได้ไหม?""พ่อของเธอตายไปแล้ว"มรุเดชพูดความจริงที่เกิดขึ้นนี้อย่างสงบนิ่งใช่...พ่อของเธอตายไปแล้ว"ถ้าอย่างนั้นพวกเราหย่ากันเถอะ"เธอไม่สามารถโน้มน้าวให้ตัวเองกับมรุเดชดำเนินต่อไปได้อีกแล้ว การแต่งงานของพวกเขาเป็นการเข้าใจผิดกันตั้งแต่แรกเริ่มมรุเดชน้ำเสียงเยือกเย็น"เธอเลิกคิดเรื่องหย่าไปได้เลย""ถ้าอย่างนั้นนายจะให้ฉันทำยังไง? มรุเดช เป็นเพราะว่าฉันไม่เชื่อฟังมากพออย่างนั้นเหรอ?"เบญญามองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ขอบตาเริ่มปวด น้ำตาที่อยู่ข้างในไม่ได้ไหลออกมา เธอพูดตะโกนออกมาด้วยเสียงที่เจ็บปวดในลำคอ"ฉันเชื่อฟังคำพูดของนายเหมือนกับหมาหนึ่งตัว นายให้ฉันคุกเข่าฉันก็คุกเข่า ให้ฉันเจาะเลือดฉันก็เจาะเลือด ไม่พูดถึงเรื่องหย่าร้าง ยอมให้นายเหยียบย่ำเหมือนกับของเล่นของนาย นายยังจะให้ฉันทำอะไรอีก?!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน