ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน นิยาย บท 37

เบญญาเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลออกมาจากตาที่สวยงามของเธอ สองตาที่เดิมทีควรจะสว่างสดใสตอนนี้กลับหมองมัวไปหมด เหมือนกับมรุเดชมองทะลุสองตาของเธอไปเห็นถึงจิตใจที่ตายด้านของเธอท้องยังคงปวด เบญญาเจ็บจนเบื่อหน่ายแล้ว เธอถลึงตาที่รู้สึกเจ็บปวด"มรุเดช ฉันบ้านแตกสาแหรกขาดคนในครอบครัวตาย หนี้ที่ติดค้างนายฉันคืนให้จนหมดแล้ว...""คืนหมดยังไง!"เบญญายังไม่ทันพูดจบมรุเดชก็พูดขัดจังหวะของเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาหรี่สองตาลงแผ่ความเย็นยะเยือกออกมา"เบญญา หนี้ที่เธอติดค้างฉันเอาไว้ไม่มีทางคืนได้หมด เธออย่าคิดเพ้อฝันว่าจะเอาการตายของพ่อเธอมาโยนให้กับฉัน พ่อของเธอตายไปแล้วก็ยังมีพี่ชายของเธออยู่ ถ้าเธอไม่อยากให้พี่ชายของเธอกลายเป็นแบบพ่อของเธอ ก็เก็บความคิดของเธอไปซะจะดีที่สุด เธอเองก็รู้ถึงวิธีการของฉันดี"ในเมื่อเบญญาคิดว่าเขาใจคอโหดร้ายอย่างถึงที่สุด ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะโหดร้ายให้เธอดูเอง ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการดูถูกคำพูดนั้นของเธอไปหน่อยมรุเดชยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ เขาสูงมาก หันหลังให้แสง เงามืดบดบังใบหน้าของเธอจนดำมืด"นายเอาธมเชษฐ์มาข่มขู่ฉัน?""ไม่ใช่ข่มขู่ ฉันทำอะไรก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ เธอทำให้ฉันอารมณ์ดีฉันก็จะปล่อยเขาไป ถ้าฉันอารมณ์ไม่ดี เขาก็ตายอนาถยิ่งกว่าพ่อของเธอ"พูดจบ ธมเชษฐ์ยกมุมปากขึ้น ค่อยๆเข้าใกล้เบญญาอย่างช้าๆเหมือนกับปีศาจกระหายเลือด ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหลอกล่อ"เบญญา เธอปล่อยมือไปไม่ต้องเข้ามายุ่งเลยก็ได้นะ คนในครอบครัวที่เหลืออยู่ของเธอในตอนนี้มันต่างอะไรกับศัตรูคู่อาฆาตหรือไง? เธอมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้พวกเขาเคยสนใจเธอไหม? ฉันกล้ามั่นใจได้เลย ถ้าสมมติว่าคนที่ตกอยู่ในอันตรายคือเธอ พวกเขาก็จะไม่มาเสียเวลากับเธออย่างแน่นอน"คนแบบเบญญาพูดให้หยาบคายหน่อยก็คือแม่พระ ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยยังจะไปสนใจคนอื่น เธอไม่เป็นห่วงตัวเองแล้วจะให้ใครมาเป็นห่วง? ในเมื่อเธอตัดสิ่งพวกนี้ออกไปไม่ขาด ถ้าอย่างนั้นก็สมควรที่จะตกเป็นเครื่องมือของเขาแล้วเหมือนกันเบญญาสองมือกำแน่น ปลายเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เธอยับยั้งไฟโกรธเอาไว้ เธอตัวคนเดียวสู้มรุเดชไม่ชนะ เถียงก็เถียงไม่ชนะมรุเดชมองได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งกว่าเธอจริงๆ พูดถูกเหมือนกัน แต่จะให้เธอไม่ยุ่งจริงๆเหรอ?พอเธอคิดว่าจะไม่แยแสสนใจ คำพูดที่สาวินพูดก่อนตายเหล่านั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ดังก้องอยู่ในสองหูของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่หยุดหย่อนเธอจะตายอยู่แล้ว มีชีวิตอยู่ไม่เกินสองปี ใช้เวลาสองปีไปแลกเปลี่ยนกับชีวิตอีกหลายสิบปีของธมเชษฐ์ ถ้าแค่ดูจากเวลาอย่างเดียว ถือว่าคุ้มค่าสีหน้าอารมณ์ทั้งหมดของเบญญาไม่อาจเล็ดลอดไปจากสายตาของมรุเดชได้ พอเห็นเธอนิ่งเงียบไปก็รู้ว่าเธอคิดดีแล้วคำพูดพวกนั้นเมื่อตะกี้นี้เขาพูดแนะนำเธอจากใจจริง เธอสลัดทิ้งความรู้สึกไปไม่ได้เอง จะโทษใครได้ชั่วชีวิตนี้ของเบญญาอย่าคิดว่าจะหนีไปจากมรุเดชได้ ต่อให้เธอบินออกไป ก็ยังมีเส้นด้ายที่มองไม่เห็นผูกเท้าของเธอเอาไว้อยู่ เหมือนกับว่าว เส้นด้ายอยู่ในมือของเขา ขอแค่ดึงเบาๆ เธอก็จะกลับมาอยู่ข้างกายของเขาแล้วมรุเดชยื่นแก้วในมือไปที่ปากของเบญญา เห็นเธออ้าปากดื่มน้ำเข้าไป เขาก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ"เบญญา ตราบใดที่เธอเชื่อฟัง พวกเราก็จะอยู่ด้วยกันดีๆ" ความอดทนของเขามีจำกัด ไม่สามารถทนฟังคำว่าหย่าที่ออกมาจากปากของเธอได้ตลอดเบญญาหลับตาลงจู่ๆก็เกิดเสียงดังปึง ประตูห้องถูกเปิดออกมาจากข้างนอก คนยังไม่ทันเดินเข้ามาก็มีเสียงดังเข้ามาก่อน"เบญ"มรุเดชยืนอยู่ข้างเตียง บดบังเบญญาเอาไว้อย่างเข้มงวดจริงจัง"เธอหลับไปแล้ว"ครรชิตอ้าปาก พูดจุดประสงค์ออกไปตรงๆ"ผมจะมาพาเบญญากลับบ้านของผม"มรุเดชคนนี้อันตรายมาก เบญญาอยู่ข้างกายของเขาจะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องถูกกลืนกินเข้าไปจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกอย่างแน่นอน เขาจะปล่อยไปอย่างไม่แยแสสนใจไม่ได้มรุเดชรู้สึกว่าน่าขำมาก พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน"เกรงว่าคุณหมอชิตคงจะไม่ได้ลืมไปแล้วว่าเบญญาเป็นภรรยาของผมหรอกใช่ไหม คุณมีสิทธิ์อะไรมาพาเธอไป?""มรุเดชคุณคู่ควรที่จะพูดคำพูดพวกนี้เหรอ? เบญจะหย่ากับคุณอยู่แล้ว!"ท่าทีที่ยืนหยัดมั่นคงแบบนี้ ดูท่าเบญญาคงจะพูดเรื่องจะหย่ากับเขาให้ครรชิตฟังอยู่ไม่น้อยเลยสินะ พอคิดว่าเบญญาแอบไปกะหนุงกะหนิง ทำเรื่องที่สนิทสนมกันกับผู้ชายอีกคนในช่วงที่เขาไม่รู้ไม่เห็นแล้ว ไฟโกรธก็ลุกโชนขึ้นมาภายในใจของเขา "งั้นเหรอ?"มรุเดชยิ้มๆ "แต่เธอเพิ่งจะบอกว่าจะไม่หย่ากับผมอยู่เลยนะ จะเป็นภรรยาของผมเชื่อฟังคำพูดของผม"มรุเดชเก่งเรื่องการเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเอง ภายในใจโมโหเกรี้ยวกราด แต่สีหน้าท่าทางกลับนิ่งเฉยจนทำให้ไม่อาจรู้ถึงความคิดต่ำช้าที่อยู่ภายในใจของเขาครรชิตพูดหักล้างทันที"เป็นไปไม่ได้ มรุเดช หรือว่าคุณทำร้ายเบญยังไม่โหดร้ายพอหรือไง? เธอจะยอมเต็มใจไปอยู่ด้วยกันกับคุณได้ยังไง""บางทีเธออาจจะเป็นคนชั้นต่ำก็ได้นะ"ในน้ำเสียงของมรุเดชเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยครรชิตร่างกายแข็งทื่อ เขารู้ว่ามรุเดชปฏิบัติตัวไม่ดีกับเบญญามาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะด่าเบญญาว่าชั้นต่ำต่อหน้าของเขาแบบนี้ไฟโกรธพลุ่งพล่านออกมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ครรชิตพูดด่าออกมา"ไอ้เดรัจฉาน!"พร้อมกับกำหมัดซัดออกไปพละกำลังของครรชิตเทียบมรุเดชไม่ได้ เขาเป็นแค่หมอเท่านั้น แต่มรุเดชเคยคว้าแชมป์มวยซานโฉ่วมาก่อน บ้างครั้ง พรสวรรค์ สิ่งนี้มันก็ทำให้คนทุกข์ทรมานอยู่เหมือนกันครรชิตถูกซัดจนตาลายมึนหัว ปากลิ้มรสได้ถึงกลิ่นคาว แม้ว่าตัวจะถูกทุบตีขนาดไหน บาดแผลเจ็บปวดขนาดไหนเขาก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะพาเบญญาจากไป"ถ้าพวกนายจะตบตีกันช่วยเปลี่ยนที่ได้ไหม"เบญญาเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อนอย่างทนไม่ไหวมือของมรุเดชยังคงบีบอยู่ที่คอของครรชิต หมัดที่ยกขึ้นมาหยุดไว้กลางอากาศ พอได้ยินเสียงที่อ่อนแอของเบญญา เขาก็หันหน้ากลับไปมองที่เบญญาอย่างนิ่งๆ ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม"ทำไม? รู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างทนไม่ไหวแล้วหรือไง?"มรุเดชแววตานิ่งเฉยมาก นิ่งเฉยถึงขนาดที่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังโกรธหรือไม่ แต่ว่าคำพูดที่พูดออกมาจากปากกลับฟังแล้วไม่เข้าหูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนครรชิตที่ถูกกดเอาไว้ก็พูดตะโกนออกมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว"เบญคุณกลับไปกับผมเถอะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะช้าจะเร็วยังไงคุณจะต้องตายแน่ๆ!"ดูท่าจะบีบเบาไปหน่อย มือที่บีบอยู่ตรงคอของครรชิตก็ออกแรงมากขึ้น พอเห็นหน้าที่เริ่มแดงเนื่องจากหายใจไม่ออกของเขาแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม"ต่อให้ฉันเล่นเธอจนตาย ก็ไม่จำเป็นต้องให้แกมาชี้นิ้วสั่งการอย่างโอหังที่นี่ ต่อให้เบญญาจะเป็นภรรยาของฉันแค่เพียงวันเดียวแกก็ทำได้แค่มองดูอยู่ข้างๆเท่านั้น!"คำพูดพวกนี้ไม่ใช่แค่พูดให้กับครรชิตฟังเท่านั้นแต่ว่าพูดให้กับเบญญาฟังด้วยเช่นกัน เขาจะทำให้เธอรู้ว่า ต่อให้ตายเธอก็หนีไม่พ้นพันธนาการของเขาแน่นอน"มรุเดช แกมันไอ้เดรัจฉาน...อั่ก!"ได้ยินดังแกร๊กตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของครรชิต มรุเดชหักมือหนึ่งข้างของครรชิตด้วยมือเดียวเรื่องแบบนี้ ไม่มีใครคาดถึงทั้งนั้น เบญญานั่งอยู่บนเตียงตัวแข็งชะงักไปเรียบร้อยแล้ว หัวใจก็หยุดเต้นทันที ราวกับถูกบีบเอาไว้ รู้สึกเจ็บปวดจนหายใจไม่ออกครรชิตเป็นศัลยแพทย์ มือของเขาช่วยเหลือคนมามากมาย แต่ตอนนี้กลับถูกมรุเดชหักเพราะว่าเธอจู่ๆเบญญาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหนาวเย็นขึ้นมาไม่น้อย ไม่ใช่แค่ร่างกาย ทั้งหัวใจก็เหมือนกับถูกกรีดจนเป็นรอย ลมหนาวพัดโบกเข้ามามรุเดชเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับครรชิตผิดแล้ว ในเวลานี้ยิ่งเธอเป็นห่วงครรชิตมากเท่าไร มรุเดชก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงแสดงความใส่ใจออกมาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เบญญากำผ้าที่อยู่บนตัวเอาไว้แน่น เสียงที่พยายามฝืนให้สงบนิ่งตอนนี้สั่นอย่างคุมเอาไว้ไม่อยู่"มรุเดชนายปล่อยครรชิตไป ให้ฉันได้พูดกับเขาอย่างกระจ่างแจ้ง"เธอก้มหน้าลงมองครรชิตที่อยู่บนพื้นสีหน้าเจ็บปวด แสร้งทำเป็นพูดอย่างเฉยชา"ครรชิต ฉันจะไม่หย่ากับมรุเดช ฉันชอบเขา คุณไม่ต้องมาโน้มน้าวฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาพูดคำว่าหย่าเพื่อมาทำลายความรู้สึกระหว่างฉันกับเขาต่อหน้าพวกเราอีก""เบญ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่? มรุเดชข่มขู่คุณใช่ไหม?"ครรชิตไม่เชื่อ"ไม่มีใครข่มขู่ฉันทั้งนั้น ฉันแค่อยากจะอยู่ข้างกายของเขาอย่างสงบสุขเท่านั้น คุณไปซะเถอะ ต่อไปก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก"เธอไม่อยากเห็นครรชิตต้องถูกทำร้ายเพราะว่าเธออีก ถึงยังไงเธอก็มีเวลาอีกไม่ถึงสองปีแล้ว ถ้ามรุเดชอยากจะยืดเยื้อเวลาก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ"ถ้าพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกมันก็จบแล้ว"มรุเดชพูดกับเบญญาอย่างพอใจ เขายิ้ม ริมฝีปากกลับเยือกเย็นเล็กน้อย เขาเข้าไปใกล้ครรชิต พูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น"เบญญาไม่ใช่คนที่แกจะมาคิดเพ้อฝันว่าจะได้ครอบครองเธอหรอกนะ"เขาปล่อยให้ครรชิตลุกขึ้น ยกขาเตะเขากระเด็นไปตรงมุมกำแพงอย่างแรง เสียงดังตู้ม"ครรชิต..."เบญญาคิดไม่ถึงว่าทั้งที่เธอพูดออกไปตามเจตนาของมรุเดชแล้ว แต่เขาก็ยังจะลงมือกับครรชิตอย่างรุนแรงอยู่เสียงของเธอค่อยๆจางหายไปในสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตของมรุเดชมรุเดชมาอยู่ข้างเตียงของเบญญา มองยาที่ใกล้จะหมดที่แขวนเอาไว้อยู่ข้างบน มือหนึ่งกุมมือที่เย็นและสั่นของเธอเอาไว้ กำลังจะดึงเข็มที่อยู่บนมือออก เบญญากลับดึงมือกลับไปเหมือนกับโดนไฟฟ้าช็อตอย่างไรอย่างนั้น เข็มงอ เลือดไหลออกมาจากเส้นเลือดย้อมจนเข็มเริ่มเป็นสีแดงมรุเดชสีหน้าเย็นชา คว้าข้อมือที่หลบซ่อนเอาไว้ของเธอมา ดึงเข็มที่งออยู่ข้างบนมือออกอย่างรวดเร็ว เลือดไหลออกมาจากบริเวณเส้นเลือดทันทีถลึงตาด้วยความตกใจ เขาดึงกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น กดตรงปากแผลของเธอเอาไว้ จนกระทั่งเลือดแห้งแล้วเขาถึงปล่อยออกพอเห็นผิวที่บวมออกมาจากหลังมือ มรุเดชก็พูดขึ้น"เปลี่ยนโรงพยาบาลเถอะ"พูดจบ เขาก้มลงอุ้มเบญญาขึ้นมาเบญญายังจะพูดอะไรได้อีก? การดิ้นรนขัดขืนทั้งหมดของเธอในสายตาของมรุเดชแล้วก็คือความไม่เชื่อใจเท่านั้น เม้มริมฝีปาก เบญญาพยายามให้ลมหายใจสงบนิ่ง อดกลั้นอารมณ์ที่ดุเดือดพลุ่งพล่านเอาไว้ในอก

ครรชิตเจ็บจนลุกไม่ขึ้น ทำได้แค่มองมรุเดชอุ้มเบญญาจากไปตาปริบๆออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว มรุเดชสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที แม้แต่รอยยิ้มที่จอมปลอมนั้นก็หายไปแล้วเช่นกัน"ต่อไปห้ามไปพบกับครรชิตตามลำพังอีก เธอควรจะอยู่ให้ห่างจากพวกผู้ชายที่มีจุดประสงค์อย่างอื่นกับเธอพวกนั้นซะ ถ้าเกิดฉันรู้ว่าเธอแอบไปมีความสัมพันธ์ที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ล่ะก็ มันจะไม่ใช่แค่หักแขนไปง่ายๆขนาดนั้นแน่นอน""มรุเดช ใจคอของนายทำไมถึงต่ำช้าขนาดนี้กันนะ!"เขามาสงสัยว่าเธอกับครรชิตแอบไปมีความสัมพันธ์ด้วยกัน แต่ทำไมถึงไม่คิดถึงเรื่องที่เขากับนันท์นลินติดการค้นหายอดนิยมบ้างล่ะ?มรุเดชโมโหจนถึงขีดสุด หรือบางทีเบญญาอาจจะไม่รู้ว่าสายตาที่ครรชิตมองเธอ สีหน้าที่เพ่งเล็งสนใจแบบนั้นของเขา ไม่มีทางเป็นท่าทีระหว่างเพื่อนทั่วๆไปอย่างแน่นอน"รอเธอหายดีแล้ว ฉันจะให้เธอได้รู้ว่าอะไรคือความต่ำทรามที่แท้จริง!"เบญญารู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายที่ลึกซึ้งของเขา ร่างกายเข้าใกล้อ้อมกอดของมรุเดชอย่างแข็งชะงัก เปลี่ยนบทสนทนา"พ่อของฉันล่ะ?""ในเมรุเผา เธอจะไปดูไหม?"เห็นตัวคนแล้วไม่พออยากจะไปเห็นขี้เถ้าอีกอย่างนั้นเหรอ?"สุสานของพ่อฉัน ฉันเป็นคนเลือกเอง""ได้"ขอแค่เบญญาเชื่อฟัง เขาก็จะตามใจเธอมรุเดชพาเบญญาไปส่งไปที่คลินิกอีกแห่ง พอหมอเห็นอาการของเบญญา ก็พูดถามขึ้นมา"จะทำการตรวจร่างกายแบบครบถ้วนไหมครับ?"มรุเดชรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ"ไม่ต้อง ก่อนหน้านี้ตรวจที่โรงพยาบาลเมืองไทรมาแล้ว มีเลือดออกจากกระเพาะ คุณจ่ายยาที่เกี่ยวกับอาการแบบนี้ก็พอแล้ว"โรงพยาบาลเมืองไทรเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองไทร ถ้าส่งมาที่นี่แสดงว่าอาการป่วยป่วยไม่ร้ายแรง หมอก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เปิดห้องผู้ป่วยจากนั้นก็จ่ายยากระเพาะตามเจตนาของมรุเดชสุสานที่เบญญาเลือกก็อยู่ข้างๆกับแม่ของเธอ ชั่วชีวิตนี้ของสาวินนอกจากรักตัวเองที่สุดแล้วที่เหลือก็คือแม่ของเธอไม่ได้จัดงานศพ หลังจากที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแล้วก็เตรียมฝังไปเลยตรงๆ เบญญาร่างกายอ่อนแอก็เลยไม่ได้รีบไปดูอย่างทันที รอตัวเองสามารถลุกขึ้นเดินได้แล้วเธอถึงได้ให้มรุเดชพาเธอไปดูสุสาน ช่วงนี้เมืองไทรฝนตกไมหยุด ฝนตกมาสามวันฟ้าโปร่งสองวัน ที่อื่นก็เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว มีแต่เมืองไทรที่ยังหนาวอยู่เดิมทีนึกว่าวันนี้จะเป็นวันฟ้าโปร่งหลังจากฝนตกเสียอีกแต่ไม่คิดว่าขับรถมาถึงครึ่งทางแล้วฝนจะตกลงมาอีก ฝนเริ่มตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ข้างนอกมีเสียงฝนดังไม่หยุด ฝนเม็ดใหญ่กระทบลงบนรถ เสียงดังตึงๆเหมือนจะกระทบจนกระจกแทบแตกหลังจากที่มาถึงสุสานแล้ว คนขับรถก็ลงจากรถถือร่มมาอยู่ตรงที่นั่งเบาะหลังก่อนจะเปิดประตูรถกันฝนให้กับมรุเดช

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน