มรุเดชออกมาจากรถ มือหนึ่งรับร่มมา มืออีกข้างจูงมือเล็กๆที่เย็นยะเยือกของเบญญาเข้าไปในสุสาน เบญญามองออกไปไกลๆทั้งหมดเต็มไปด้วยป้ายหลุมศพ ความเซื่องซึมกดทับอยู่ข้างบน ทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวกอยู่ไม่น้อยสาวินถูกฝังไปได้ไม่กี่วัน ป้ายสุสานที่สะอาดมากที่สุดก็คือสุสานของเขาหน้าป้ายสุสานมีดอกลิลลี่วางเอาไว้อยู่หนึ่งช่อ กลีบดอกไม้เหี่ยวเฉาถูกน้ำฝนสาดจนหมดสภาพ เบญญายองตัวลง เก็บกวาดดอกไม้จนสะอาด จากนั้นก็จับแขนเสื้อเช็ดรูปที่อยู่บนป้ายสุสาน ในรูปคือสาวินสมัยตอนเป็นวัยรุ่น ใส่ชุดพิธีการ ใบหน้ายิ้มแย้ม ในแววตาสว่างสดใส มีชีวิตชีวาอย่างมากนี่เป็นรูปแต่งงานของพวกเขา รูปของแม่ก็เป็นรูปแต่งงานเหมือนกัน วางไว้ด้วยกันแล้วเข้ากันเป็นอย่างมาก ราวกับย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบแปดปีก่อนสาวินไม่ใช่พ่อที่ดีแต่เขาเป็นสามีที่ดี แม่ตายไปแล้วยี่สิบสามปีเขาก็ไม่แต่งงานอีกเลยตลอดชั่วชีวิต แล้วก็ซื้อที่ดินข้างๆสุสานของแม่เอาไว้ก่อนแล้วด้วยเขากลัวตายแต่บางทีเขาก็อาจจะอยากเจอกับแม่ของเบญญาเหมือนกัน ในที่สุดครั้งนี้ก็สมดั่งความปรารถนาแล้วทำไมสาวินถึงเกลียดเบญญาขนาดนี้ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าการเกิดของเธอทำให้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดต้องตายไปก็เป็นได้ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ยังต้องเลี้ยงดู"ฆาตกรที่ฆ่าภรรยา"ให้เติบโตขึ้นมาด้วยมือของตัวเองอีกด้วย เธอยกมือขึ้นมาเช็ด แยกไม่ออกว่าน้ำที่ใบหน้าคือน้ำฝนหรือว่าน้ำตาเบญญาคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพทั้งสองหลุม อากาศหนาวเย็น เข่าเหมือนกับถูกทิ่มแทง แต่เบญญากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเธอเป็นเหมือนกับวิญญาณที่เลือนราง ราวกับว่าถ้าลมพัดโชยก็จะจางหายไป"แม่ ขอโทษนะคะ ผ่านมานานขนาดนี้หนูถึงได้มาเยี่ยมแม่ หนูมันไม่ดี ที่ไม่ได้คอยอยู่เฝ้าตระกูลเอาไว้ ไม่ได้ปกป้องพ่อเอาไว้ให้ดีๆ..."เสียงของเบญญาราวกับถูกลมพัดกระจายไป ได้ยินแค่เสียงสะอึกสะอื้นของเธอหลังจากเสียงที่สั่นเทาสิ้นสุดลง เบญญาก็ก้มตัวลงเอาหน้าผากแตะพื้นหกครั้ง หันหน้าไปหาป้ายหลุมศพของสาวินก่อนจะพูดขึ้น"พ่อ หนูจะจำคำพูดของพ่อเอาไว้"มรุเดชที่อยู่ข้างหลังได้ยินคำพูดนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ริมฝีปากบางๆของมรุเดชเม้มเล็กน้อย สายตามืดมน หนึ่งวันก่อนที่สาวินจะกระโดดตึก เขาได้ไปหาเขาที่คุกมา เขาเล่าเรื่องเบญญาให้เขาฟังนิดหน่อยเพื่อที่จะให้ภายหลังจากนี้สาวินทำตัวดีกับเบญญามากขึ้นหน่อย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าสาวินจะปลงไม่ตกแล้วกระโดดตึกฆ่าตัวตายเบญญาเคารพหลุมศพเสร็จก็ลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ เธอเงยหน้าขึ้นมามองร่มที่บังอยู่เหนือหัวของเธอ ก่อนเอนหัวมองผู้ชายที่ถือร่มให้กับเธอมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว คนที่สามารถบังลมกันฝนให้กับเธอได้ ก็สามารถทำให้เธอไม่เห็นดวงตะวันได้เหมือนกันมรุเดช"ไปกันเถอะ""เบญ"เบญญาก้มหน้าลง ขณะที่กำลังจะหันตัว เธอเหมือนกับได้ยินว่ามีคนเรียกเธออยู่ข้างๆ ภายในใจสั่นสะดุ้ง ความรู้สึกคับข้องใจที่ยากจะอธิบายผุดขึ้นมาภายในใจ ตาพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา ฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้หันหน้ามองไปสุดท้ายก็หันมองไปที่ป้ายหลุมศพของพ่อและแม่ เธอเกิดมาก็ไม่มีแม่แล้ว ตอนนี้แม้แต่พ่อของเธอก็จากเธอไปอีกมรุเดชบอกว่าเธอชั้นต่ำ เธอมันชั้นต่ำจริงๆ เธออยากจะฟังสาวินด่าทอต่อว่าเธอต่อ...สาวินตายไปแล้ว แต่หนี้ที่ต้องชดใช้ก็ยังต้องชดใช้อยู่ เบญญาขายของมีค่าภายในบ้าน สมทบเงินไปเรื่อยถึงจะรวบรวมเงินได้ครบส่วนพุ่มเทียน กรุ๊ปก็ถูกมรุเดชซื้อไปเรียบร้อยแล้ว เบญญาขายหุ้นในมือ ตอนนี้ยังเหลืออยู่สามเปอร์เซ็นต์ ตำแหน่งท่านประธานของเธอมันเหลือแค่ชื่อแล้ว มรุเดชแค่ยกมือขึ้นเบาๆก็ทำให้เธอสูญสิ้นทุกอย่างได้แล้วเบญญาก็ลองไปกู้เงินหรือไม่ก็ยืมเงินจากคนที่เคยร่วมงานกันแล้วเหมือนกัน แต่ปีนี้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผีซ้ำด้ำพลอย ปัญหาวุ่นวายเพิ่มมากขึ้น บวกเข้ากับมรุเดช"จงใจ"ไปบอกกับพวกเขาอีก คนพวกนั้นพอได้ยินชื่อของเบญญาก็หลีกถอยกันไปหมดธนาคารก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าต้องการกู้เงินก็ต้องเอาเงินทุนที่เท่ากันไปยื่น จนถึงตอนนี้เบญญาสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนกับสุนัขเร่ร่อนที่ประสบกับความทุกข์ยาก ธนาคารไหนจะกล้าให้เธอกู้เงินเบญญาก็มองพุ่มเทียนถูกย้ายออกไปทีละนิดๆจนหมดเกลี้ยง แม้แต่บ้านเก่าเองก็ไม่เหลือแล้วเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน