สายฝนยามสารทพาความหนาวมาเยือน น้ำค้างแข็งยามเช้าปกคลุมทั่วผืนดิน
หนิงฝู คุณหนูสี่แห่งจวนกั๋วกง ซึ่งพลัดตกน้ำจนหมดสติเมื่อไม่กี่วันก่อน เพิ่งฟื้นขึ้นมา ฟ้ายังไม่ทันสางดี จวนหนิงกั๋วกงก็คึกคัก มีผู้คนเดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย
"ได้ข่าวว่าจับคนที่ผลักคุณหนูสี่ตกน้ำได้แล้วล่ะ เมื่อคืนใต้เท้าหนิงสอบปากคำด้วยตัวเองจนดึกดื่น เฆี่ยนเสียจนหนังเปิดเลือดไหล ก็ยังไม่ยอมเปิดปากว่าใครอยู่เบื้องหลัง"
"ถึงจะเฆี่ยนจนตายแล้วอย่างไร หากมิใช่เพราะคุณหนูสี่ชะตาแข็ง บุญหนุนนำ... คนใจอำมหิตเช่นนั้น สมควรแล้ว"
เสียงพูดคุยของบ่าวไพร่ดังมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกของหนิงฝูที่อยู่ภายในห้องกลับซับซ้อนยิ่งนัก แต่ที่มากกว่าคือความยินดี
นางได้ย้อนเวลากลับมายังหกปีก่อน ตอนที่ยังมิได้หมั้นหมายกับจงซื่อ นางไม่ต้องทนทุกข์กับการถูกเมินเฉยอีกต่อไป
นอกจากนี้ แม้ชีวิตโดยรวมในชาติที่แล้วของหนิงฝูจะดูราบรื่นเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีเรื่องราวมากมายที่ทำให้นางรู้สึกค้างคาอยู่ในใจ บัดนี้ นางมีโอกาสที่จะชดเชยมันแล้ว
"ร่างกายเจ้ายังอ่อนแออยู่ เหตุใดจึงไม่สวมเสื้อคลุมก่อนลุกขึ้นมานั่ง" หนิงฮูหยินเดินถือถ้วยยาเข้ามา เมื่อเห็นบุตรสาวสวมเพียงเสื้อชั้นในเบาบางนั่งอยู่หัวเตียง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นางวางถ้วยยาลง แล้วหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวราวหิมะที่แขวนอยู่ด้านข้างมา ขณะที่ก้มตัวลงเพื่อคลุมให้หนิงฝูนั่นเอง กลับถูกโอบกอดด้วยวงแขนของบุตรสาว
"ท่านแม่" หนิงฝูเอ่ยเรียกนางด้วยเสียงสั่นเครือ
แม้นางจะมิได้ยึดติดอันใดกับชาติที่แล้วมากนัก มีเพียงเรื่องที่มารดาต้องเจ็บปวดเพราะสูญเสียบุตรหลังจากที่นางตายไป เป็นเพียงสิ่งเดียวที่หนิงฝูไม่กล้าจินตนาการถึงมัน
หนิงฮูหยินลูบไล้เรือนผมของนาง ดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะโอบกอดนางแน่นขึ้น แล้วกล่าว "ผู้ใดทำร้ายเจ้า แม่จักต้องลากตัวมันออกมาให้ได้ อาฝูไม่ต้องกลัวนะ"
หนิงฝูสั่นสะท้านเย็นวาบไปทั้งร่าง
ในชาติก่อน ท่านแม่สืบพบว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คือหยูซื่อภรรยารองของบิดานาง ทว่าพยานเพียงหนึ่งเดียวกลับถูกหยูซื่อฆ่าปิดปากไปเสียแล้ว ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายนางอีก ท่านแม่จึงกำจัดหยูซื่อทั้งที่มีหลักฐานไม่เพียงพอ
ตระกูลของท่านแม่ค่อนข้างมีอำนาจ จวนหนิงกั๋วกงได้แต่จบเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ บิดานางกลับโกรธแค้นเห็นว่าท่านแม่ใจร้ายอำมหิต นับแต่นั้น ความสัมพันธ์จึงขาดสะบั้น ไม่มีวันไหนที่สงบสุขอีกต่อไป และไร้ซึ่งทายาทอีกเลย
ต่อมา พี่ชายท้องเดียวกันเพียงคนเดียวของนางได้เสียชีวิต สุขภาพของท่านแม่ก็ทรุดโทรมลงทุกวัน จะยิ้มได้ก็แต่ยามที่เห็นนาง ส่วนใหญ่มีเพียงความเย็นชา ไร้แววชีวิตในดวงตา เกียรติยศที่พี่ชายนางสั่งสมมา ล้วนตกอยู่ในมือของบ้านใหญ่
ส่วนชายที่ถูกจับได้ในครานั้น คือคนรักเก่าก่อนที่หยูซื่อจะเข้าจวนตระกูลหนิง จึงได้ปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ยถึงหยูซื่อ ทั้งหมดนี้หนิงฝูเพิ่งล่วงรู้หลังจากแต่งให้กับจงซื่อ เพียงแต่ตอนนั้นทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว ถึงแม้จะได้รู้ความจริง ความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดา ก็ยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
โชคยังดีที่ในชาตินี้ มารดาของนางไม่ต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนั้นอีกต่อไป
"ท่านแม่ ลูกอยากพบท่านพ่อ" หนิงฝูเงยหน้าขึ้นมองมารดา
แม้หนิงฝูจะไม่อยากพบหน้าจงซื่ออีก แต่ก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้ นางจึงได้แต่พยักหน้า ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง "คนที่ผลักข้าตกน้ำ ท่านพ่อสอบสวนได้ความว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"ปากแข็งนัก แต่พ่อก็มีวิธีของตนเองอยู่" หนิงเจินหย่วนหัวเราะเย็นเยียบ
หนิงฝูมีท่าทีเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
หนิงเจินหย่วนเห็นท่าทางลังเลของนาง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ต่อหน้าพ่อ หากเจ้ามีสิ่งใดจะพูดก็พูดออกมาตรง ๆ เถิด"
หนิงฝูก้มหน้าพลางกล่าว "ท่านพ่อ คนผู้นั้นคือคนรักเก่าของหยูอี๋เหนี๋ยง หรือว่าจะเป็นนางที่คิดทำร้ายข้า"
นางเป็นคนพูดออกมาก่อน ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ก็ไม่อาจโทษไปถึงมารดาของนางได้ อีกทั้งความสัมพันธ์ลับระหว่างสองคนนั้นเป็นความจริง แม้จะหาหลักฐานว่าหยูซื่อเป็นผู้วางแผนทำร้ายนางไม่ได้ แต่หยูซื่อก็ไม่อาจถอนตัวจากเรื่องนี้อย่างปลอดภัยได้แน่นอน
หนิงเจินหย่วนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"เจ้ามีหลักฐานอันใด"
"ข้าเคยเห็นชายผู้นั้นโอบกอดอยู่กับหยูอี๋เหนียงเจ้าค่ะ" หนิงฝูกล่าว ในชาติก่อน นางไม่เคยเอะใจเลยว่า คนที่นางบังเอิญเห็นโอบกอดกันก่อนตกน้ำคือหยูซื่อกับชายคนหนึ่ง นางได้ยินเพียงชายคนนั้นเอ่ยเรียกเยียนเอ๋อร์ ซึ่งตอนนั้นหนิงฝูไม่รู้ว่าเยียนเอ๋อร์เป็นใคร แต่เมื่อได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง นางจึงเข้าใจแจ่มแจ้ง นั่นคือชื่อเดิมของหยูซื่อ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนคืนก่อนวิวาห์ ข้าไม่ขอเป็นภรรยาท่านอีก
รอค่าาาา อยากอ่าน จะมาอัพตอนไหนคะ...
รอค่า มาต่อไวๆนะคะ...