เดือนธันวาคมเพิ่งจะมาเยือนพร้อมอากาศหนาวกว่าที่เคย โศภิตา รัตนธร นอนนิ่ง ๆ อยู่บนโซฟา พลางฟังเสียงกรีดร้องของแม่สามี จารุณี วงศ์พร ดังมาจากชั้นล่าง
“โศภิตา รัตนธร! การที่เธอมีลูกไม่ได้ก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่เธอถึงขั้นไม่ยอมทำอาหารให้ตรงเวลาอย่างนั้นเหรอ เธอกำลังพยายามจะทำให้ฉันกับทินกรต้องอดตายใช่ไหม”
ตลอดระยะเวลาหกปี ที่เธอแต่งงานกับ แทนไทย ฟากฟ้า แม่สามีของเธอก็เอาแต่พูดว่าเธอเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ แต่กลับไม่เคยมีใครฉุกคิดเลยว่า สามีของเธอไม่เคยแตะต้องเธอเลยตั้งแต่แรก
“รีบลงมาช่วยฉันจัดกระเป๋าเดี๋ยวนี้! ฉันยังต้องไปโรงเรียนอยู่นะ ให้ตายเถอะ!” เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยอย่างเร่งเร้า
ทินกรคือน้องชายของแทนไทย เขาเป็นเด็กเปรตดี ๆ นี่เอง ตั้งแต่โศภิตาแต่งเข้าครอบครัวนี้ เขาก็พยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะทรมานเธอในแต่ละวัน ในความคิดของเขา พี่สะใภ้คนนี้ก็แค่เป้านิ่งดี ๆ นี่เอง
หลังจากได้ยินเสียงตะโกน โศภิตาจึงลงมาข้างล่าง เข้าครัวเพื่อทำอาหาร จัดกระเป๋าและกล่องอาหารกลางวันให้ทินกร เธอทำทุกอย่างเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์
“คุณแม่คะ อาหารพร้อมแล้ว!”
จารุณีเลือดขึ้นหน้าทันทีที่เธอเห็นหน้าอันไร้อารมณ์ของโศภิตา เธอกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะและพูดว่า “โศภิตา! เธอใช้เงินของลูกชายฉัน ซุกหัวนอนอยู่ในบ้านของลูกชายฉัน แล้วเธอกล้าดียังไงถึงได้แสดงสีหน้าเหยียดกันแบบนี้! คอยดูนะ ฉันจะโทรหาแทนไทยแล้วบอกให้เขาหย่ากับเธอเดี๋ยวนี้!”
มือที่ถือจานอาหารเย็นของโศภิตาสั่น เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะฝืนยิ้ม “แม่คะ หนูไม่ได้เหยียดอะไรเลย”
จารุณีไม่เชื่อ ในทางตรงกันข้าม เธอพูดด้วยท่าทางแปลก ๆ “โศภิตา อย่าคิดว่าเพราะเธอมียายแก่หนุนหลังอยู่ แล้วตำแหน่งคุณนายฟากฟ้าของเธอจะมั่นคงนะ เพราะสุดท้ายแล้ว เธอเทียบอะไรทักษอรไม่ได้เลย!”
โศภิตาหน้าซีดเมื่อได้ยินชื่อของหญิงสาว
ทินกรเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสองตาของเขาเอง ทันใดนั้น เขายิ้มแล้วพูดว่า “นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพี่ทักษอรกำลังจะออกจากโรงพยาบาล และพี่แทนไทยก็จะไปรับเธอมาอยู่กับเรา”
เมื่อได้ยินดังนั้น โศภิตาจึงหันกลับมา แทนไทยเพียงจ้องเธอด้วยดวงตาสีเข้มของเขา ดวงตาที่มีเพียงความเฉยเมยและความแปลกแยกอยู่ในนั้น เป็นดวงตาที่ไม่เคยมีความอบอุ่นเลย เขาขยับกลีบปากบางและพูดด้วยเสียงอันหนักแน่น “ทักษอรกำลังจะกลับมา เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เธอจะต้องย้ายออก”
หัวใจของโศภิตาค่อย ๆ กลายเป็นน้ำแข็งไปทีละนิ้ว แน่นอนว่าทินกรพูดถูก
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาราวกับหมอกควัน
แทนไทยขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงที่แสนจะเชื่อฟังคนนี้ไม่เชื่อฟังเขา น้ำเสียงของเขาเย็นชาขณะที่เขาพูด “อย่าลืมว่าเมื่อหกปีก่อน เธอแต่งงานกับฉันได้ยังไง”
เธอจะลืมได้อย่างไร เพราะตอนที่ทักษอรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอเองที่เป็นคนเรียกรถพยาบาลและถึงขั้นถ่ายเลือดที่แสนจะหายากให้ทักษอรอยู่เป็นระยะ ๆ และเพราะเรื่องนี้ แทนไทยที่รู้สึกทราบซึ้งในบุญคุณจึงสัญญาว่าเขาจะยอมทำตามคำขอของเธอ ในตอนนั้น โศภิตาบอกเขาว่า คำขอเดียวของเธอคือการแต่งงานกับเขา
นั่นเป็นความคิดที่หยั่งรากลึกในหัวของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็นแทนไทยตอนอยู่มัธยม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่ากันเถอะคุณสามี