แทนไทยยอมทำตามคำขอของโศภิตา เพราะหมอต่างเคยมั่นใจว่าทักษอรไม่มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาอีก
แต่เขาเฉยเมยและเย็นชากับเธอเสมอมา
โศภิตาเชิดคางขึ้นและมองตรงไปที่เขาโดยไม่สะดุ้งสะเทือน “ฉันคือภรรยาของคุณ เพราะฉะนั้นทำไมฉันต้องย้ายออกในขณะที่เธอกำลังจะย้ายเข้า”
แทนไทยก้มลงมองเธอทันที สีหน้าของเขาค่อย ๆ ย่ำแย่ และความมืดครึ้มในดวงตาของเขาก็น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ “ทำไมงั้นเหรอ เพราะตามที่ทักษอรบอก เธอคือคนที่ขับชนทักษอรเมื่อหกปีก่อน!”
โศภิตาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มอันขมขื่นก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ “แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำ คุณจะเชื่อฉันหรือเปล่า”
แทนไทยขยับเข้าไปหาเธอทีละก้าว สุดท้ายก็บังคับให้เธอจนมุม เขาคำรามอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธออย่างนั้นเหรอ”
เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มของเขา ดวงตาที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความรังเกียจ
“เธอมันผู้หญิงจิตป่วย ฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ชดใช้ความทุกข์ของทักษอรคืนให้เธอเป็นร้อยเป็นพันเท่า!” สีหน้าของแทนไทยเต็มไปด้วยความเย็นชา
โศภิตารู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นความโหดเหี้ยมในดวงตาของเขา
ผ่านมาหกปีแล้ว เธอคิดว่าเธอจะสามารถก้าวผ่านกำแพงของเขาไปได้ ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
แต่หัวใจของเขายังคงเย็นเป็นน้ำแข็ง
“ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น” โศภิตาเม้มปากแน่น
แทนไทยจ้องมองเธออย่างเหยียดหยาม ดวงตาสีเข้มของเขาดูเย็นชา และไม่มีความอบอุ่นแม้เพียงเล็กน้อยอยู่ในดวงตาคู่นั้นเลย “เธอเป็นผู้หญิงฉลาด เธอน่าจะรู้นะว่าควรทำยังไง”
เมื่อพูดจบ เขาก็จากไป เหลือทิ้งไว้เพียงห้องที่เต็มไปด้วยความเปล่าเปลี่ยว
โศภิตามองตัวเองในกระจก ตัวเธอดูซีดเซียวและทรุดโทรม
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนในกระจกเป็นใคร
เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตอนแรก และในที่สุดเธอก็กลายเป็นคนที่เหี่ยวเฉาในความสัมพันธ์นี้
ช่างตลกสิ้นดี
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เธอจึงถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ
ถึงเวลาที่ฉันจะปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระ...
……
เธอเคยบอกตัวเองให้อดทนเพราะเห็นแก่แทนไทย แต่ครั้งนี้...
โศภิตาคว้าไม้ขนไก่อย่างแรงในชั่วพริบตาแล้วโยนลงไปที่พื้น น้ำเสียงของเธอเย็นชา “อย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก!”
จารุณีตกตะลึงกับการกระทำของเธอในทันที
หลังจากได้สติ จารุณีก็ตะโกนว่า “โศภิตา รัตนธร นี่เธอเสียสติไปแล้วเหรอ! ฉันจะให้ลูกชายฉันหย่ากับเธอ!”
ในอดีต เพราะเห็นแก่คุณย่าของแทนไทย เธอจึงพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับจารุณีอยู่เสมอ และเพราะเธอไม่ต้องการให้แทนไทยเกลียดเธอเพราะเรื่องนี้
เมื่อก่อนเธอรู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว
โศภิตาเพียงพูดเบา ๆ ว่า “ทำตามที่คุณต้องการเลยค่ะ”
ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเธอจะตะโกนว่าอย่างไร เธอก็ได้ออกจากบ้านฟากฟ้าพร้อมกับกระเป๋าเดินทางแล้ว
ไม่กี่วินาทีต่อมา รถเฟอร์รารีสีแดงก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูหน้า ชายหนุ่มรูปงามในรถโบกมือให้เธอ "ไงที่รัก! ขึ้นมาเลย!”
โศภิตาขึ้นรถ และทั้งคู่ก็จากไปพร้อมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่ากันเถอะคุณสามี