หย่าร้ายพ่ายรัก นิยาย บท 17

ตอนที่ 17 เลิกหลบซ่อน

รษิการะวังตัวมากขึ้นเมื่อได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้เมา ด้วยความหวังว่าจะเลี่ยงปัญหาได้ เธอจึงขอโทษเขาไปอีกครั้ง “ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เมื่อเธอพูดจบ ชายตรงหน้าก็กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างชั่วร้าย แม้แต่เสียงของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ว่าไง คนสวย… ผมไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวคุณก็รู้หลังจากไปดื่มกับผมสักสองสามแก้ว วันนี้ผมจะให้อภัยคุณก็ได้ถ้าคุณทำให้ผมมีความสุขน่ะ” รษิกานิ่วหน้า เธอรู้ว่าคนตรงหน้าสูญเสียความสามารถในการคิดหาเหตุผลไปแล้วด้วยความเมามาย ดังนั้น เธอจึงไม่สนใจเขาและก้มหน้าไว้โดยต้องการจะเดินหนีเขาไปให้เร็วที่สุด ทันทีที่เธอเดินไปถึงข้างกายของชายขี้เมา เสียงของเขาก็ดังก้องขึ้นมาว่า “อย่าเพิ่งไปสิ คนสวย ผมรวยมากเลยนะ ถ้าคุณยอมไปกับผมแล้วล่ะก็ ผมสัญญาว่าผมจะดูแลคุณไปตลอดชีวิตเลยเชียวนะ” จากนั้น เขาก็หัวเราะออกมาราวกับคนโรคจิตพลางมองรษิกาตั้งแต่หัวจรดเท้า สาวสวยคนนี้หน้าตางดงามและน่ารัก เรือนร่างโค้งเว้าได้สัดส่วน ผิวเธอสวยมากจนเปล่งประกายภายใต้แสงไฟในร้าน พนันได้เลยว่าถ้าได้แตะต้องเนื้อตัวเธอ ฉันคงจะพึงพอใจมากทีเดียว! ยิ่งมองเธอมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น เขาจึงเอื้อมมือออกไปเพื่อแตะใบหน้าของเธอ เมื่อเห็นมือของเขาใกล้เข้ามา รษิกาก็มีท่าทีเย็นชาทันที เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะเตะเขาเข้าที่ท้อง เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เธอไปทำงานที่สถาบันวิจัย ชุดที่เธอสวมใส่จึงค่อนข้างเป็นทางการ ต้องขอบคุณรองเท้าส้นสูงของเธอที่ทำให้ลูกเตะนั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ชายคนนั้นเมามากจนเดินเซไปมาจนจวนเจียนจะล้มลงไปอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร เขาก็โดนเตะท้องเข้าไปอย่างจัง ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขากุมท้องตัวเองไว้แน่น ก่อนจะเซถอยหลังไปและล้มลงไปกองกับพื้นอย่างรุนแรง “อีนังบ้า! แกกล้าดูถูกฉันอย่างนี้ได้ยังไง? แกควรจะรู้สึกเป็นเกียรติที่ฉันสนใจแกสิ มาเตะฉันแบบนี้ได้ไงกันวะ?” เขาตะคอก หลังจากที่คลำอยู่บนพื้นเป็นเวลานาน เขาก็กัดฟันและเงยหน้าขึ้นมา ขณะที่ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ รษิกามองเขาด้วยสายตารังเกียจก่อนจะเดินผ่านเขาไป ทันใดนั้น เขาก็คำรามออกมาว่า “ใครก็ได้ มานี่หน่อย! นังนั่นมันเตะฉัน! พามันเข้าไปในห้องของฉันเดี๋ยวนี้เลย! ฉันอยากจะรู้ว่าคืนนี้มันยังจะทำท่าแบบนั้นกับฉันได้อยู่อีกไหม” เมื่อเขาพูดจบ บอดี้การ์ดร่างกำยำสองคนก็พุ่งออกมาจากมุมร้าน เมื่อพวกเขาเห็นชายขี้เมาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนั้น พวกเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้านายครับ…” “ไม่ต้องห่วงฉัน! ไปจับมันมา!” ชายขี้เมาตะคอก บอดี้การ์ดรีบรุดเข้ามาหารษิกาทันที พอเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จากด้านหลัง ใจเธอก็เต้นรัวไม่เป็นส่ำ จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบถุงบรรจุงผงบางอย่างเอาไว้ในมือ ถ้าพวกเขาเข้ามาใกล้ ฉันจะให้ได้ลองยานี่ ขณะที่เธอหันหลังไปพร้อมกับถุงในมือ บอดี้การ์คนหนึ่งที่กำลังจะแตะตัวเธอก็กรีดร้องและกระเด็นผ่านร่างของเธอไป วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดอีกคนก็หายไปจากสายตาเธอด้วยวิธีการเดียวกัน รษิกาตกตะลึง จากนั้นเธอก็เห็นเค้าร่างของคนอีกคนหนึ่งอยู่ข้างหลังเธอ เธอหันหลังกลับไปและพบกับร่างสูงเพรียวยืนอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่สองสามก้าว เธอใจแป้วและรู้สึกเหมือนสติเตลิด เธอรีบหมุนตัวกลับทันทีเพราะอยากจะหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เลอศิลป์มีท่าทีน่ากลัวมาก เขาสวมชุดสูทที่สั่งตัดมาเป็นอย่างดี แต่แขนเสื้อของเขาม้วนขึ้นไปอยู่เหนือศอก ส่วนคอเสื้อก็ปลดกระดุมออกไปสองสามเม็ด เขายืนอยู่กลางทางเดินขณะมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาเคร่งขรึม อันที่จริง เขากำลังอยู่ในงานเลี้ยงแล้วรู้สึกอึดอัด จึงตัดสินใจเดินออกมาเพื่อสูดอากาศสักหน่อย โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมาเจอรษิกาข้างนอกนี่ เป็นเธอจริงๆ ด้วย! ยิ่งเขาจ้องเธอนานเท่าไร สายตาเขาก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น เขาอยากจะพูดอะไรออกมาก่อนจะเห็นว่าหญิงสาวกำลังพยายามหลบหนี เขาขมวดคิ้วและพุ่งไปคว้าเอวหญิงสาวไว้ ขณะนั้น รษิกาตกประหม่าจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง เธอไม่รู้เลยว่าเขามาคว้าตัวเธอไว้ได้ตั้งแต่เมื่อไร และเธอก็ไม่ทันตั้งตัว รษิกาตัวแข็งทื่อขณะที่ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัว “รษิกา!” เสียงที่เดือดดาลของชายคนนี้ดังก้องอยู่ข้างหูเธอ “เลิกหลบหน้าผมสักทีเถอะ!” ในที่สุดรษิกาก็ตั้งสติได้และดิ้นรนไปตามสัญชาตญาณ เมื่อรู้สึกว่าเธอขยับตัว เลอศิลป์ก็ยิ่งเกาะกุมเธอไว้แรงขึ้น “ปล่อยฉันนะ!” รษิกาไม่ดิ้นรนอีกและหันกลับมาสบตาเขาด้วยท่าทีดื้อดึง “ปล่อยเหรอ?” เสียงของเลอศิลป์ฟังดูเหมือนพูดลอดไรฟันออกมา เขาจ้องเธอเขม็งด้วยแววตาเคร่งขรึม เป็นเวลาหกปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอกันเลย ใบหน้าของรษิกาดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่เธอยังสวยไม่สร่างเหมือนเดิม แต่ทว่า เธอไม่ใช่คนอ่อนโยนและเชื่อฟังเหมือนที่เขาจำได้อีกต่อไปแล้ว แตกต่างจากอดีตที่เธอมักจะยอมจำนนต่อเขา แต่ในตอนนี้เธอสง่างามขึ้นและยังดุร้ายมากขึ้นอีกด้วย แม้แต่สายตาเธอก็ยังดูห่างเหิน ความโกรธก่อตัวขึ้นในใจเลอศิลป์เมื่อเขาเห็นเช่นนั้น เขาจ้องตารษิกาอย่างเย็นชาและพูดออกมาโดยเน้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจนว่า “คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณหนีไปอีกงั้นเหรอ?” รษิกาใจสั่น เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เลอศิลป์ไม่เปิดโอกาสให้เธอเลย เสียงของเขาดูอันตรายมากขณะที่เขาสั่งครรชิตที่ยืนอยู่ข้างหลังว่า “จัดการไอ้พวกชั่วนี้ด้วย!” เขาคว้าแขนรษิกาเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวข้างๆ โดยไม่เปิดจังหวะให้เธอได้โต้ตอบเลย รษิการู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็หนีออกไปไม่ได้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม เช่นนั้นแล้ว เธอจึงถูกลากเข้าไปในห้องอย่างทุลักทุเล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้ายพ่ายรัก