ตอนที่ 18 ยินดีให้บริการอีกครั้ง
ในห้องส่วนตัวแห่งนี้ว่างเปล่า เมื่อเลอศิลป์เข้ามาในห้อง เขาก็ปิดประตูทันที ณ เวลานั้น ในห้องเงียบเป็นเป่าสาก ถึงขนาดได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งคู่ รษิกากวาดตามองไปรอบห้อง เธอรู้สึกตกอยู่ในอันตรายด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง และเริ่มดิ้นรนจะหนีออกไปอย่างดุเดือด “คุณจะทำอะไรของคุณน่ะ? ปล่อยฉันนะ!” วินาทีต่อมา เลอศิลป์ก็จับเธอตรึงไว้กับกำแพงอย่างง่ายดาย ร่างของทั้งสองกดทับกันอยู่แน่นจนหูของเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเลอศิลป์ รษิกาหยุดดิ้นทันทีและดันตัวเข้าพิงกำแพง เธอยืดตัวที่แข็งทื่อขึ้นมา และยังหายใจช้าลงอีกด้วยโดยที่เธอไม่รู้สึกตัว พวกเขาใกล้ชิดกันมาก จนหากเธอหายใจแรงมากกว่านี้อีกหน่อย หน้าอกของเธอก็อาจจะไปสัมผัสกับร่างของชายตรงหน้าได้ ทั้งห้องเงียบสนิทราวกับป่าช้า รษิกากัดฟันในขณะที่ใจเต้นแรง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกกดขี่ข่มเหงที่เขามีต่อเธอก็ยังคงรุนแรงเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่ทว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปนานมากแล้ว รษิกากำหมัดแน่นและพยายามบังคับตัวเองให้ตั้งสติ เราหย่ากันไปแล้ว เลอศิลป์กับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวจ้องกันอีก พวกเราอยู่กันคนละโลกแล้ว ด้วยคิดเช่นนี้ รษิกาจึงหายใจเข้าลึกและพูดออกมาเรียบๆ ว่า “เลอศิลป์ ปล่อยฉัน ถ้าคุณมีอะไรอยากจะพูด เราก็คุยกันดีๆ ได้” เลอศิลป์อึ้งไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงที่เรียบเฉยของเธอ ไม่นานนักเขาก็ถอยออกมาแต่ไม่ยอมปล่อยตัวเธอไป รษิกาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกและท่าทีของเธอก็สงบขึ้นกว่าตอนแรก “คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมเลยเหรอ?” เลอศิลป์หรี่ตาขณะที่เห็นท่าทีของเธอที่เปลี่ยนแปรไป อาจเป็นเพราะรษิกาคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้ใจเธอไม่สั่นเมื่อได้ยินคำถามของเขา เธอตอบเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหินห่าง “คุณเลอศิลป์ เราหย่ากันมาหกปีแล้วนะคะ ฉันคิดว่าไม่มีอะไรที่ฉันต้องพูดกับคุณอีกแล้ว” เมื่อเธอพูดจบ เลอศิลป์ก็บีบคางเธอไว้แน่น เธอพยายามต้านไม่สบตากับเขา “คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?” ดวงตาของเลอศิลป์ลุกโชนด้วยไฟโทสะราวกับเขาจะพ่นไฟออกมาได้ทุกเมื่อ รษิกาฝืนเจ็บและหลบเลี่ยงสายตาเขาโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว เลอศิลป์ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอเงียบอยู่อย่างนี้ คุณเลอศิลป์อย่างนั้นหรือ? เรียกกันแบบนั้นมันช่างห่างเหินสิ้นดี! จริงๆ แล้วมันก็สมเหตุสมผลอยู่ เพราะถึงยังไงเราก็หย่ากันมาตั้งหกปี แล้วผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนใจไม้ไส้ระกำไม่ใช่หรือ? เธอใจร้ายถึงขนาดที่ทิ้งลูกสาวตัวเองไว้และยังทำตัวเหมือนเป็นคนแปลกหน้าอีก พนันได้เลยว่าไม่มีใครใจร้ายเท่าเธออีกแล้วล่ะ “รษิกา ทำไมคุณต้องทำเหมือนไม่รู้จักผมด้วยนะ?” เลอศิลป์บีบคางเธอแน่นขึ้น รษิกาสะดุ้ง เธอนิ่วหน้าเมื่อสบตากับเขาด้วยสายตาต่อต้าน เลอศิลป์ยิ้มเยาะ “คุณไม่ใช่เหรอที่เป็นคนร้องแรกแหกกระเชอว่าชอบผมรักผมมากแค่ไหนเมื่อก่อนนี้? แล้วตอนนี้กลับมาทำเหมือนไม่รู้จักกันอย่างนี้เนี่ยนะ? คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเคยทำอะไรกับผมไว้บ้าง? คุณอาจจะลืมได้ แต่ผมไม่มีวันลืมเลย!” รษิกานิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะขุดเรื่องเมื่อหกปีก่อนขึ้นมาพูดอีก เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น คืนนั้น เธอเข้าหาเขาราวกับสัตว์ที่ใช้บูชายัญเพียงแค่เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเขาบ้าง แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ขณะที่เธอคิดถึงอารมณ์ความรู้สึกในคืนนั้น หัวใจของรษิกาก็เย็นชาขึ้นมาทันที เธอกำหมัดแน่นไว้ข้างตัว ก่อนจะตอบอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ฉันจำได้สิ มันผิดตรงไหนเหรอ? คุณคิดว่าตัวเองโดนเอาเปรียบหรือไง? อยากจะมาทวงศักดิ์ศรีคืนงั้นเหรอ? บอกมาสิ ฉันจะชดเชยให้คุณได้ยังไงบ้างคะ? คุณเลอศิลป์” เลอศิลป์ตัวสั่นด้วยความโกรธ ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นยิ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่น่าสะพรึงกลัว ความเจ็บปวดที่คางเธอยิ่งรู้สึกรุนแรงมากขึ้น แต่รษิกาก็ยังฝืนทนและพูดต่ออย่างสงบว่า “ว่ากันตามตรงนะ คืนนั้นคุณไม่มีสติและฉันก็ไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้พอฉันมาคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว มันก็งั้นๆ แหละ แต่มันก็จริงที่ฉันวางยาคุณ ดังนั้นฉันจะไม่คัดค้านอะไรเลยถ้าคุณต้องการให้ชดเชยเรื่องนั้น” เยี่ยมไปเลย ผ่านไปนานหลายปี ผู้หญิงคนนี้รู้แล้วว่าต้องพูดยั่วโมโหฉันยังไง เลอศิลป์หรี่ตาจนดูอันตราย จริงอยู่ที่เขาไม่มีสติในคืนนั้น และเขาแทบจะจำรายละเอียดไม่ได้เลย แต่กระนั้น หากใครได้ยินที่รษิกาพูด ก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เลอศิลป์ก็เชิดคางเธอขึ้นมาและพูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นๆ เหรอ? ในเมื่อผมทำให้คุณเข้าใจผิดไป ผมก็ไม่รังเกียจที่จะให้บริการคุณอีกครั้งนะ” ความตื่นตระหนกฉายแวบในดวงตาของรษิกาขณะที่เธอมองชายคนนั้นโน้มตัวเข้ามาใกล้ เธออยากจะหนีไป แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้ายพ่ายรัก
เขียนต่อนะคะ สนุกมากเลย...