ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 747

ได้ยินว่าหลังจากฝูหลิงกลับไปเย่เหลียงกับเย่ซวิ่น นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกแฝดในเดือนสิบ

จักรพรรดิเย่เหลียงทรงปลื้มปีติเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงส่งสาสน์ไปถึงต้าฉู่ทันทีที่มีข่าวมงคล โดยไม่ลืมใส่ความภาคภูมิใจไปในสาสน์ บอกว่าราชวงศ์เย่เหลียงของพระองค์จะยังคงมีทายาทสืบเชื้อสายต่อไป ซึ่งนับเป็นพรอันประเสริฐยิ่งนัก

ด้วยเหตุนี้ราชสำนักต้าฉู่จึงไม่อาจนิ่งเฉย หลังจากผลัดกันแย่งชิงเพื่ออ่านสาสน์จากจักรพรรดิเย่เหลียงจนครบ ก็มีเสียงพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “เย่เหลียงหมายความว่าอย่างไร กำลังเยาะเย้ยที่ผู้สืบสายเลือดแห่งราชวงศ์ต้าฉู่อับเฉาอย่างงั้นเรอะ! ถึงแม้องค์หญิงอันหนานจะให้กำเนิดรัชทายาทแห่งเย่เหลียง แต่พระนางก็คือคนของต้าฉู่!"

ครั้นแล้วเหล่าขุนนางก็ตระหนักได้ว่ารัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉู่ดูเหมือนจะเปราะบางจริงๆ...

จากข่าวที่สืบเสาะมา ทั้งเป่ยเซี่ยและเย่เหลียงต่างมีพระโอรสและพระธิดามากมายขนาดสิบนิ้วยังนับไม่พอ ไหนจะยังมีพระราชนัดดาของเหล่าพระโอรสอีกนับไม่ถ้วน

พอหันกลับมาดูที่ต้าฉู่ว่ามีองค์หญิงองค์ชายอยู่กี่พระองค์

เหล่าขุนนางต่างก็ต้องเศร้าใจเมื่อพบว่าพวกเขามีองค์รัชทายาทแห่งพระราชวังบูรพาเพียงแค่พระองค์เดียว!

ดังนั้นเหล่าขุนนางจึงลองหยั่งเชิงจักรพรรดินีว่า “ฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าเย่เหลียงกำลังเยาะเย้ยต้าฉู่ของเรา ฝ่าบาทมิทรงคิดจะมีองค์ชายหรือองค์หญิงเพิ่มสักพระองค์เพื่อหยุดปากของทางนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนเอ่ยอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญว่า “จักรพรรดิเย่เหลียงทั้งแก่ชราทั้งยังชอบโอ้อวด ปล่อยให้พระองค์อวดไปเถอะ คนแก่มักจะต้องหาหลักยึดเสมอ ไม่อย่างนั้นคงจะเฉาแย่”

“ตะ... แต่ว่า... ต้าฉู่ของเรามีองค์รัชทายาทเพียงพระองค์เดียว มันน่าขายหน้านะพ่ะย่ะค่ะ! เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่าบาทจะให้ประสูติพระบุตรอีกสักพระองค์สองพระองค์”

ด้วยเหตุนี้เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จึงโยงปัญหาเรื่องรัชทายาทมาเป็นปัญหาของวังหลัง โดยเห็นว่าวังหลังควรมีสนมเพิ่มอีกสักสองสามคนจึงจะดี เพื่อประโยชน์ในการสืบทอดสายเลือดแห่งราชวงศ์

เฉินเสียนนวดคลึงขมับ เธอกระแอมในลำคอและถามว่า “อ้ายชิงทุกท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพระสวามีคนปัจจุบันของข้า”

เหล่าขุนนางนิ่งคิดนิดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยถ้อยคำที่รื่นหูว่า “ใต้ฝ่าพระบาททรงมีฐานะสูงศักดิ์ ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและความสามารถ เป็นผู้ที่โดดเด่นหาผู้ใดเปรียบได้ยากพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนกล่าวว่า “แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ ต่อให้ข้าหาสนมเพิ่มก็คงไม่มีใครดีเท่าเขา แล้วแบบนี้จะหามาทำไม”

เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่คิดตามและเห็นจริงดั่งที่เธอพูด พวกเขาจึงเอ่ยอย่างเต็มใจนักว่า “เช่นนั้นอย่างน้อยฝ่าบาทก็ควรจะมีโอรสธิดากับพระสวามีอีกสักสองสามพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ!"

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ยังคงวิตกกังวลไม่เลิก ครั้นแล้วทุกวันหลังจากนั้น การเข้าเฝ้ายามเช้าเพื่อหารือกิจของราชสำนักจึงกลายเป็นกลุ่มปรึกษาหารือเรื่องการให้กำเนิดบุตร พวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เฉินเสียนเพิ่มผู้สืบทอดสายเลือดแห่งราชวงศ์อย่างไม่ยอมเลิกรา

ซูเซี่ยนนั่งฟังอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่เฉินเสียนได้แต่กุมขมับด้วยความปวดหัว

เฉินเสียนไม่คิดเลยว่าเรื่องจำนวนโอรสและธิดาในราชวงศ์จะกลายเป็นเรื่องที่เหล่าขุนนางนำมาใช้แข่งขันกับอาณาจักรอื่น

ไม่มีเรื่องอื่นจะเอามาเปรียบเทียบกันแล้วหรืออย่างไรนอกจากเรื่องลูก! เรื่องความแข็งแกร่งของอาณาจักร ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ความเป็นปึกแผ่นของอาณาประชาราษฎร์ เรื่องพวกนี้ทำไมไม่เอามาแข่งกัน!

เฉินเสียนแสดงความเห็นของตนให้เหล่าขุนนางทราบ โดยกล่าวว่าพวกเขาควรมองภาพรวมในระยะยาว ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้

แต่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่กลับบอกว่า “อาณาจักรต้าฉู่ของพวกเราแข็งแกร่งกว่าเย่เหลียง เศรษฐกิจเข้มแข็งกว่า ประชาชนก็อยู่ร่วมกันเป็นปึกแผ่นยิ่งกว่า เหล่านี้เย่เหลียงจะเอาอะไรมาเทียบได้! ตอนนี้เย่เหลียงมีทายาทสืบสายเลือดมากกว่าต้าฉู่ มันไม่ถูกต้อง ข้ากระหม่อมยอมไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

บางครั้งเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ชอบเปรียบเทียบอะไรประหลาดๆ ซึ่งเฉินเสียนไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด

ต่อมาเมื่อถูกรบเร้าจนรำคาญ เฉินเสียนจึงกล่าวว่า “เรื่องการให้กำเนิดลูกไม่ใช่แค่เรื่องของข้าเพียงผู้เดียว หากพระสวามีของข้าไม่อยากมี ข้าจะทำอย่างไรได้!”

เธอคิดว่าถึงอย่างไรซูเจ๋อก็ไม่ได้อยู่ในราชสำนัก ตอนนี้ต่อให้ปัดความรับผิดชอบไปให้เขา เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี

เหล่าขุนนางเงียบกริบทันทีที่เธอเอ่ยออกไป

แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าจักรพรรดินีไม่อยากมีลูก แต่พระสวามีต่างหากที่ไม่อยากมี

ไม่ได้การ อย่างนี้ต้องหาวิธีทำให้เขายอมให้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี