“อนุของเจ้าให้คนเห็นไม่ได้หรือ ทำไมไม่โผล่หน้าออกมา?”
หลิวอวิ๋นเซียงยืนตรงประตูบ้าน คำนี้ยั่วโมโหจริง ๆ ใครให้คนเห็นไม่ได้!
แต่นางไม่กล้าออกไปจริง ๆ ทำได้แต่บีบเสียงเรียกเสียงหวาน “ท่านพี่ ข้าไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนนอก โดยเฉพาะคนที่ใจคด ทำให้คนสะอิดสะเอียนจริงๆ!”
เหยียนมู่เพิ่งจับตะเกียบ คำนี้หากคนหน้าบางได้ยิน คงจะหนีอยากมุดดินหนีแล้ว แต่เขาฉีกยิ้ม จับตะเกียบเริ่มกินแล้ว
“ลู่ซื่อจื่อมานั่งเร็ว ไม่ต้องเกรงใจ”
ลู่ฉางอันกระแอมเสียง “ข้ายกข้าวไปให้นางสักถ้วยก่อน”
“ปล่อยให้หิวต่อไปเถอะ”
“นี่……”
“นางสะอิดสะเอียนไม่ใช่หรือ”
เหยียนมู่ไม่ถึงกับเอาเรื่องผู้หญิงคนหนึ่ง เห็นลู่ฉางอันยกถ้วยข้าวเข้าไปก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่เด็กน้อยข้างตัวเตะเขาแล้ว เหมือนกำลังแก้แค้นให้แม่ของเขา รอเขามองไป เด็กน้อยก็ฉีกยิ้ม
“พี่ชาย กิน กินเนื้อ”
เหยียนมู่เลิกคิ้ว “เรียนท่านอา”
“พี่ชายหน้าตาดี”
เหยียนมู่ยิ้ม “ปากหวานจริงๆ”
เขาใช้ตะเกียบคีบผักกาดยัดเข้าไปในปากของเด็กน้อยเป็นรางวัล
เด็กน้อยเคี้ยวหน้าบูด “พี่ชายนิสัยไม่ดี”
“แนะนำให้เจ้าเรียกท่านอา อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้ากำลังยกลำดับความอาวุโสให้พ่อของเจ้า”
เด็กน้อยกะพริบตามองเขา ทำท่าไม่เข้าใจที่เขาพูด
“เด็กโง่” เหยียนมู่ยิ้มเยาะ
เยี่ยนเอ๋อร์เบะปาก “ท่านซิเด็กโง่ เอ่อ โง่กันทั้งบ้าน”
“เหอะ เชื่อไหมว่าข้ากล้าโยนเจ้าออกไปเป็นอาหารสุนัข?”
“แงๆ!”
เยี่ยนเอ๋อร์ร้องไห้แงๆ
หลิวอวิ๋นเซียงได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ ก็รีบให้ลู่ฉางอันออกไปดู
คนอะไร รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก!
กินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ลู่ฉางอันอุ้มเยี่ยนเอ๋อร์ไปให้หลิวอวิ๋นเซียงในบ้าน
“เขายังไม่กลับอีกหรือ?” หลิวอวิ๋นเซียงถาม
ลู่ฉางอันส่ายหน้า “ยังจะเล่นหมากรุกต่อ”
“ประสาท”
“พวกเจ้านอนกันก่อน ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาเข้ามา”
“อืม”
หลิวอวิ๋นเซียงกล่อมเยี่ยนเอ๋อร์ ไม่นานเขาก็นอนหลับไป ในเวลานี้เสียงของเหยียนมู่ดังเข้ามา “ลู่ซื่อจื่อ เจ้าแพ้แล้ว”
เสียงของลู่ฉางอันนุ่มนวลแต่แฝงความเหนื่อยล้า “ข้ายอมแพ้ องค์ชายเจ็ดคงจะเหนื่อยแล้ว ไม่สู้......”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน