เขาอยู่ที่นั่นและคงจะดื่มสุราเช่นเคย
เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เมื่อนางขึ้นไปบนชั้นสองก็เขาเอนกายอยู่บนเก้าอี้ยาวพลางดื่มบางอย่าง จะพูดเช่นนี้คงไม่ถูกต้องนัก ต้องบอกว่าที่จริงมีภาพแขวนอยู่ไม่ไหล และเขาเอาแต่มองคนในภาพวาดนั้น
เจ้าคนสารเลวคนนี้เป็นคนที่คลั่งไคล้ในความรักจริงๆ
หญิงในภาพวาดดูอ่อนโยนเรียบร้อย โดยเฉพาะดวงตาเมล็ดซิ่งคู่นั้นช่างสดใสมีเสน่ห์เหลือเกิน
นางเองก็มีดวงตาเมล็ดซิ่ง เช่นเดียวกับหยวนชิงเย่ว์ อันที่จริงหญิงสาวที่เหยียนมู่พามาสวนกล้วยไม้แห่งนี้ต่างก็ดูคล้ายกับคนในภาพวาดนั้นทั้งสิ้น
ชาติที่แล้วจวนโหวเคยขอประทานซุ้มประกาศเกียรติคุณให้กับนาง และเคยได้พบหญิงคนนี้ตอนเข้าวังไปขอบพระคุณในพระเมตตา
เพลานั้นนางได้ขึ้นเป็นจินไทเฮาแล้ว แต่หลังจากที่เหยียนมู่ช่วยให้บุตรชายขึ้นครองบัลลังก์ นางก็ใส่ร้ายเขาจนจบลงด้วยการตัดศีรษะต่อหน้าสาธารณชน
“เจ้ายิ้มอะไร”
หลิวอวิ๋นเซียงหันไปเห็นเหยียนมู่กำลังจ้องมองมาด้วยดวงตาเรียวที่เปล่งประกาย
ยิ้มที่เจ้าต้องตายไม่ดีอย่างไรเล่า!
หลิวอวิ๋นเซียงเดินไปนั่งที่อีกฝั่งของเก้าอี้ “ปล่อยแม่นางหยวนคนงามไว้อย่างนั้น แล้วมานั่งดื่มคนเดียวทำไมล่ะ”
เหยียนมู่ยิ้ม “วันๆ เอาแต่ทำหน้าตาบูดบึ้ง เวลาแตะเนื้อต้องตัวก็ทำเหมือนจะเป็นจะตาย ทำให้ข้ารู้สึกว่ากำลังบีบนางให้ค้าประเวณีอย่างนั้นแหละ”
“ท่านชอบคนเอาแต่ใจเช่นนั้นไม่ใช่หรือ”
“รสชาติดีกว่าเจ้าอยู่นะ”
หลิวอวิ๋นเซียงยิ้มตอบ “เช่นนั้นขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าเหยียนด้วย”
เหยียนมู่เทเหล้าและผลักแก้วให้กับหลิวอวิ๋นเซียง “เหล้าองุ่นชั้นเลิศ”
“ข้าไม่ดื่ม”
“ถ้าข้าให้เจ้าดื่มล่ะ”
หลิวอวิ๋นเซียงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและเทกลับเข้าไปในเหยือก
“โกรธแล้วหรือ”
“ไม่เคยโกรธ ข้าเพียงขี้เกียจเกินกว่าจะตอบท่าน”
เหยียนมู่ยิ้ม ก่อนเงยหน้าดื่มเหล้าคำใหญ่
เพลานั้น สาวรับใช้คนหนึ่งรีบเข้ามารายงานทันที “ใต้เท้า แย่แล้วเจ้าค่ะ แม่นางหยวนกำลังแขวนคอฆ่าตัวตาย”
เหยียนมู่หรี่ตาลงเล็กน้อย “ให้นางทำจนกว่าจะพอใจ”
เมื่อเห็นว่าเหยียนมู่ไม่มีความตั้งใจไปหยุดยั้ง สาวรับใช้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยออกไป
“ดูสิ แม่นางหยวนคนนี้ซื่อสัตย์มากกว่าเจ้าเสียอีก”
หลิวอวิ๋นเซียงยิ้มและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อยากเดิมพันหรือไม่”
เหยียนมู่มองหลิวอวิ๋นเซียงด้วยความรู้สึกว่านางเปลี่ยนไปจากปกติ แต่บอกไม่ได้ว่าคือสิ่งใด
“เดิมพันอย่างไร”
หลิวอวิ๋นเซียงยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างห้องใต้หลังคา ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ทำให้ผมของนางปลิวไหวไปตามสามลม
“ข้าขอพนันว่าแม่นางหยวนไม่แขวนคอตายหรอก”
เหยียนมู่ส่ายหน้าพร้อมหัวเราะ “วันนี้พ่อแม่ของนางสิ้นใจตายในคุก ข้าบอกข่าวร้ายกับนางไปแล้ว”
หลิวอวิ๋นเซียขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านไม่เห็นใจนางบ้างเลยหรือ”
เขากระตุกมุมปากเบาๆ พลิกตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะรู้สึกเจ็บบริเวณขากรรไกรล่าง เมื่อเอื้อมมือไปแตะจึงพบว่ามีรอยเลือดสามที่ และมือของเขาก็เปื้อนเลือดเช่นกัน
“บ้าจริง เจ้าจะให้ข้าออกไปข้างนอกอย่างไร”
หลิวอวิ๋นเซียงลุกขึ้นนั่ง พร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ข้าตั้งครรภ์”
“อะไรนะ” เหยียนมู่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ข้าตั้งครรภ์ แต่ไม่ชาธุระของท่าน เด็กคนนี้เป็นของข้าเพียงคนเดียว” หลิวอวิ๋นเซียงกล่าว
ชาติที่แล้วนางอุทิศชีวิตให้กับจวนโหวอย่างโง่เขลา ไร้ทายาทสืบทอด แต่เซี่ยจื่ออันกลับมีความสุขกับครอบครัว
ในชาตินี้นางอยากจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ โดยไม่คำนึงถึงเหยียนมู่ เพียงเพราะนี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขของนางเอง
เหยียนมู่จ้องไปที่ท้องของหลิวอวิ๋นเซียงเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็เริ่มดื่มเหล้าอีกครั้ง
“ข้าให้เจ้าดื่มน้ำแกงขับเลือดทุกครั้ง”
“มีครั้งหนึ่งที่ไม่ได้ดื่ม”
“เมื่อใด”
“คืนที่สนมเสี่ยวจินเฟยได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนางสนม”
เหยียนมู่สะดุ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองภาพที่อยู่ไม่ไกลและคิดอย่างรอบคอบ คืนนั้นฮ่องเต้ทรงจัดงานเลี้ยงในวัง เขาดื่มมากเกินไปและกลับมาทรมานหลิวอวิ๋นเซียงเป็นเวลานาน
ต่อมาหลิวหมัวมัวนำน้ำแกงขับเลือดมาให้ แต่เขากลับทำมันหกโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้สนใจไปเติมมาอีกชาม
“นั่น…”
“ข้าบอกไปแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นของข้าคนเดียว ข้าจะบอกท่านไว้เลย ว่าต่อจากนี้ข้าคงให้ท่านทำอะไรตามใจชอบไม่ได้อีกแล้ว เพราะร่างกายของข้าไม่พร้อมอีกต่อไป” หลิวอวิ๋นเซียงพูดอย่างใจร้อนเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน