เฉียวเหลียนเหลียนสาบานว่าไม่ได้แอบฟัง
เธอคิดว่าเรื่องนี้ยิ่งคิดยิ่งไม่ใช่ เธอก็เลยพากู้เชวี่ยวิ่งมาที่บ้านตระกูลกู้
ปรากฏว่าได้ยินละครชั้นเยี่ยม
เสียดายตอนจบ
เฉียวเหลียนเหลียนอมยิ้มและมองกู้เส้า หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มองออกไป และหัวเราะอย่างไม่สนใจ
“พ่อ หนูกับแม่มาตามพ่อไปกินข้าว” กู้เชวี่ยโผล่หัวออกมาด้านหลังด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดแค้นพ่อในใจ
แต่แม่บอกว่าพ่อโง่ มองครอบครัวนี้ไม่ออก
เธอต้องหาทางทำให้พ่อของเธอเข้าใจว่าครอบครัวตตระกูลกู้ไม่ใช่คนดีอย่างที่พ่อคิด
ไม่ใช่ว่าต้องการสร้างสัมพันธ์กับพ่อ เธอจึงผลักพ่อเข้าบ้านตระกูลกู้อย่างไร้เหตุผล
“ไอ้หยา ได้สิ ไปกินข้าวกัน” กู้เส้าแตะจมูกของเขาอย่างงุ่มง่าม
เขาไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียวเหลียนเหลียนหมายถึงอะไร และเขากลัวว่าจะทำให้เฉียวเหลียนเหลียนไม่สบายใจ
ระหว่างทางกลับบ้าน กู้เส้าได้ปรับน้ำเสียงของเขาให้อ่อนลง และอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “อย่าใส่ใจแม่และคนอื่นๆในครอบครัวเลย”
เฉียวเหลียนเหลียนเหลือบมองและตอบอย่างเย็นชาว่า “อืม”
กู้เส้าเริ่มแน่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านร้างเก่า เฉียวเหลียนเหลียนก็ยุ่งกับการทำอาหารในห้องครัว
เด็กหลายคนนั่งคุยกันที่โต๊ะเล็กๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพูดว่า “กู้จ้วงจ้วงน่ารังเกียจมากที่แย่งของกินของเราในวันนี้ ของกินของเขานะไม่แบ่งเรา เห็นอยุ่ว่าเราพี่น้องต่างก็หิว ไม่ได้กินของอร่อยมาตั้งหลายวัน เขายังมีหน้ามาแย่งเรากิน แน่นอนว่าถ้าเขากินอิ่มแล้ว เขาก็โยนทิ้งไม่แบ่งพวกเรา”
กู้เส้าในฐานะพ่อ เขาอุ้มเสี่ยวเกอเอ๋อร์ขึ้นมา และฟังเด็กๆ พูดคุยกัน
กู้เชวี่ยไม่พอใจ “ทำไมเขาถึงขโมยอาหารของเรา เขาไม่ได้ให้อะไรเราเลย ก็เห็นๆ อยู่ว่าเราต่างก็หิวและอึดอัด เราไม่ได้กินอะไรอร่อย ๆ มาหลายวันแล้ว และเขายังอยู่กับเรา เขาหยิบอาหารมาเต็มปากเต็มคำ และกินอย่างอิ่มหนำสำราญ และดูเหมือนว่า สิ่งที่เขากินเหลือเขาอยากจะโยนทิ้งไปมากกว่าที่จะให้เรากิน"
“ใช่ เขายังขโมยอาหารฉันด้วย พอรู้ว่าไม่อร่อย เขาก็โยนทิ้ง ทำให้ฉันอดกิน” กู้โหลวกำหมัดแน่น “ขาของฉันเดินไม่สะดวกเฉยๆหรอก ไม่งั้น ฉันจะทุบเขาเลย”
“ใช่ จัดการเลย” แม้แต่เสี่ยวเกอเอ๋อร์ยังกำหมัดแน่น
ขณะนั้นกู้เส้าก็คิดถึงฉากหลายๆฉากที่เกิดขึ้น
หัวใจของเขาแน่นขึ้น ๆจนหดเป็นก้อน
อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน อย่าเกลี้ยกล่อมให้คนอื่นดีใจ
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจกับจุดเริ่มต้นและจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของกู้เชวี่ย เขารู้สึกว่าตัวเองทำไม่ถูก และสิ่งที่เขาทำลงไป ทำให้กู้จ้วงมีความเย่อหยิ่ง และรังแกลูกๆของเขา
กู้เชวี่ยกล่าวอีกครั้งว่า “โชคดีที่มีแม่ แม่ทำงานหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว ไม่รู้ว่าแม่เหนื่อยแค่ไหน ถ้าหนูโตกว่านี้คงจะดี หนูจะได้ช่วยแม่แบ่งเบาภาระได้"
“ตอนนี้ก็ทำได้นี่” กู้ท่าทางจริงจัง “ได้ยินว่า ถ้าเขียนช่วยคนอื่นคัดลอกหนังสือ ต่อไปก็สามารถช่วยแม่หาเงินได้”
“รอให้ผมเขียนหนังสือสวย ผมก็จะช่วยแม่หาเงินด้วยการคัดหนังสือ” กู้จงผู้ขี้อายพูดอย่างมีชีวิตชีวา
กู้เส้ายิ่งฟังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงวางกู้เกอลงและเดินเข้าไปในสนาม
เฉียวเหลียนเหลียนไม่รู้ว่ากำลังยุ่งกับการทำอาหารอะไร ตอนนี้เขาได้กลิ่นเผ็ดเปรี้ยวจากห้องครัวโชยมาจนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขยับนิ้ว
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้เส้าก็เอามือไขว้หลังและเดินตรงมาที่สนาม
เด็กหลายคนที่อยู่ในบ้านเงียบพร้อมกัน และจ้องไปที่หน้าต่างเพื่อดูเงาของพ่อ
“เชวี่ยเอ๋อร์ วันนี้เธอเป็นอะไรไป จู่ ๆ เธอก็ไม่โกรธพ่อ ยังพูดเรื่องอดีตอยู่ไหม?” กู้เฉิงจ้องไปที่น้องสาวของเขา
“ตอนไปที่บ้านตระกูลกู้ แม่บอกว่าพ่อเป็นผู้ชายงี่เง่า โกรธเขาไปไม่มีประโยชน์ ทำได้แค่เพียงเตือนเขาทางอ้อม” กู้เชวี่ยพึงพอใจ
แค่นั้นจริงๆเหรอ ?
สีหน้าของกู้เฉิงคาดเดาไม่ได้ และเขาไม่ได้แสดงสายตาที่ระมัดระวังต่อน้องสาวของเขา
ในเด็กทั้งห้าคน มีเพียงเกอเอ๋อร์ที่อายุน้อย และอีกสี่คนที่เหลือเกาะหน้าต่างจ้องมองไปที่ห้องครัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามภพมาเป็นแม่เลี้ยงของวายร้ายทั้งห้า
ตอนที่ 21-25 เนื้อหาหายไปค่ะรบกวนแก้ไขให้หน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ...
ลุ้นๆๆๆ ขนมอบต้องมา...
รัททายาทเป็นพ่อที่เลวมากๆ...
สนุกๆ รอตอนต่อไปค่ะ...
เริดๆๆ...
รอต่อค่าาา...
หลงเมียน้อยจนทำร้ายเมียเอก แถมลูกๆต้องกลายเป็นคนตายทั้งหมดอีก พอมาเจอก็สงสัยอีกว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง ไม่ควรเป็นพ่อใครเลยจริงๆ...
gเอาล่ะสิๆๆ...
ง้อเมียว่ายาก ง้อลูดยากที่สุด 5555...
คนไม่ซื่อสัตย์...