“ตกลง ฉันรับปากแก!”
เปียนเฉียนฟานไม่ลังเลเลยสักนิด กลับกันคือตอบตกลงข้อเสนอของเจียวเฉิงทันที เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางแพ้แน่ๆ
“พ่อ……”
“แกหุบปาก นี่คือโอกาสที่ดี อีกเดี๋ยวฉันก็จะสามารถทวงคลินิกที่ถูกหลอกเอาไปจากแกกลับมาได้แล้ว” เปียนเฉียนฟานพูดขัดเปียนหยวน เพราะเขามีความมั่นใจแบบนี้
เปียนหยวนเห็นพ่อตัวเองมั่นใจขนาดนี้ ก็รู้ว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือกแล้ว จึงได้เพียงหุบปาก เพียงแต่เขากลับกังวลใจมากๆ หากสมมติว่าพ่อเขาแพ้ เขาก็ต้องคุกเข่าขอโทษด้วยเช่นกัน นี่มันอับอายขายหน้ามากเลยไม่ใช่หรือไง?
“แกว่ามาเถอะ ว่าอยากจะดวลยังไง?” เปียนเฉียนฟานถามเจียงเฉิงเสียงขรึม
“ครั้งก่อนผมกับลูกชายคุณตัดสินผลแพ้ชนะในยกเดียว ครั้งนี้เราดวลสามชนะสองดีกว่า เผื่อมียกหนึ่งพวกคุณไม่ยอมรับอีก” เจียงเฉิงพูดกับเปียนเฉียนฟานด้วยมุมปากแต้มยิ้ม
“เหิมเกริมใช้ได้เลยนี่ เดี๋ยวฉันจะคอยดูว่าแกจะยังยิ้มออกมาได้ไหม” เปียนเฉียนฟานเห็นรอยยิ้มได้ใจของเจียงเฉิงก็พลันโกรธเหมือนไฟโทสะสุมอยู่ในอก
แม้เจียงเฉิงจะชิลมาก ทว่าเหยียนปิงหรูกลับกังวลเล็กน้อย เพราะคลินิกเพิ่งเข้าที่เข้าทางได้ไม่นาน เธอมาที่ข้างกายเจียงเฉิง เอ่ยเสียงเบาว่า “หมอเจียง ทำแบบนี้จะอันตรายเกินไปไหม?”
เจียงเฉิงยกยิ้มเล็กน้อย เอ่ยว่า “วางใจเถอะ ไม่เป็นไรหรอก คนตระกูลเปียนใจดีมากเกินไปแล้ว ครั้งก่อนมอบคลินิกให้เรา ครั้งนี้ก็มามอบชื่อเสียงให้เราอีกแล้ว”
เจียงเฉิงไม่เพียงแค่ไม่กังวลใจ กลับกันยังยิ้มอย่างได้ใจ ทีแรกเหยียนปิงหรูยังไม่เข้าใจ ทว่าเพียงครู่เดียวเธอก็คิดได้แล้ว ตอนนี้ที่นี่มีคนมามุงดูกันเยอะขนาดนี้ หากเจียงเฉิงชนะ งั้นตระกูลเปียนก็ต้องคุกเข่าขอโทษ ยอมรับในฝีมือแพทย์ของเจียงเฉิง
ถึงตอนนั้นก็เท่ากับว่าทำโฆษณาให้เจียงเฉิงไปในตัวด้วย ดังนั้นจึงไม่ต่างจากเอาชื่อเสียงมามอบให้
“เพื่อป้องกันไม่ให้นายไปจ้างใคร ครั้งนี้ฉันจะเลือกคนไข้เอง หากนายยินยอม ก็มาดูกันว่าใครรักษาได้เร็วกว่าและดีกว่า และถือว่าคนนั้นชนะ” เปียนเฉียนฟานรู้เล่ห์เหลี่ยมของเจียงเฉิง ดังนั้นเพื่อป้องกันการถูกหลอก เขาจึงพูดแบบนี้
“แล้วแต่” เจียงเฉิงกลับไม่ได้มีปัญหาอะไรนัก พลันตอบตกลงทันที
เปียนเฉียนฟานมองไปยังคนไม่น้อยที่ต่อแถวอยู่ด้านหลัง พบว่ามีชายชราคนหนึ่งที่หอบหายใจแรงไม่หยุด ท่าทางเหมือนหายใจไม่ออก ข้างกายมีชายหนุ่มอีกคน เขาพลันโบกมือเรียกทันทีว่า “คุณตาคนนั้น มานี่หน่อย”
ชายหนุ่มได้ยินหมอเทวดาเรียกปู่ตัวเองก็รีบประคองพาปู่เดินไปข้างหน้าทันที เอ่ยว่า “หมอเทวดาเปียน ปู่ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป เหมือนหายใจไม่ออกตลอดเวลา เป็นมานานมากแล้ว ไปคลินิกมาหลายที่ก็ไม่หายสักที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง