เจียงเฉิงเห็นสถานการณ์แบบนี้เองก็พลันขมวดคิ้ว ก็จริง นี่มันจงใจมาเกทับเขาชัดๆ ต้องการทำลายเขาให้ย่อยยับก่อนที่เขาจะก่อร่างสร้างตัวได้
เจียงเฉิงเห็นดังนั้นก็เดินไปหาเปียนเฉียนฟาน
“ทั้งสองท่าน ที่นี่น่าจะไม่อนุญาตให้ตั้งแผงลอยนะ? เชิญพวกคุณจากไปซะ” เจียงเฉิงไม่มีท่าทีจะเจรจาด้วยเลยแม้แต่น้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
“ไอ้คนหลอกลวง หลอกเอาคลินิกว่านเซิงของเราไปไม่พอ ตอนนี้ยังอยากจะมาทุบทำลายแผงลอยของเราอีกงั้นเหรอ?” เปียนหยวนเห็นเจียงเฉิงมาแล้วก็พลันเอ่ยระคนยิ้มเย็น
“ฉันไปหลอกเอาคลินิกพวกนายตอนไหน?” เจียงเฉิงขมวดคิ้วถาม
“ไอ้เด็กเหลือขอ อย่าคิดจะไม่ยอมรับ ก่อนหน้านี้คลินิกนี้เป็นของเรา แต่แกกลับหลอกเอาคลินิกเราไป ไม่งั้นป้ายของคลินิกว่านเซิง จะกลายเป็นหอชุบชีวิตบ้าบอนี่ได้ยังไงกัน?” เปียนเฉียนฟานมองเจียงเฉิงด้วยสายตาเย็นชา พลันเอ่ยเสียงเย็น
เจียงเฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหมดคำพูดจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พอใจที่แพ้พนันคลินิกให้กับเขา ดังนั้นจึงอยากจะกลับมาทวงคลินิกคืน
“ผมไม่ได้หลอกเอาคลินิกไป แต่ผมพนันกับเขา แล้วชนะมาได้อย่างโจ่งแจ้ง” เจียงเฉิงเอ่ยอย่างหนักแน่น
“เพ้อเจ้อ!”
เปียนหยวนโต้กลับอย่างโมโหว่า “วันนั้นคนไข้ที่ไปหาหมอล้วนถูกแกจ้างมาทั้งนั้น ไม่งั้นฉันจะแพ้ได้ยังไงกัน?”
“ทุกคนมาออกความเห็นหน่อยสิ คลินิกว่านเซิงมีชื่อเสียงลือนามมานานขนาดนี้ ยึดถือการช่วยชีวิตและรักษาผู้คนเป็นหน้าที่ตัวเอง แต่ไอ้หมอนี่กลับร่วมวางแผนกับคนอื่น หลอกเอาคลินิกว่านเซิงของเราไป ทุกคนว่าเรื่องนี้ผิดที่ใคร?” เปียนหยวนพูดปลุกปั่นคนไข้รอบข้างทันที
“นั่นสิ ฉันได้ยินมานานแล้วว่าคลินิกว่านเซิงจะมาเปิดสาขาย่อยที่เมืองเอกของเรา แต่พอมาดูอีกทีก็เป็นหอชุบชีวิตอะไรไปซะแล้ว ที่แท้ก็เป็นคลินิกของนักต้มตุ๋นนี่เอง”
“ฉันก็ว่าทำไมถึงไม่มีคลินิกว่านเซิงแล้ว ที่แท้ก็ถูกคนหลอกเอาไปแล้วนี่เอง ชื่อเสียงของคลินิกว่านเซิงดีมากเลยล่ะ ฝีมือเองก็ยอดเยี่ยม พ่อหนุ่มคนนี้สู้ไม่ได้หรอกนะ”
“ทุกคนพูดถูก คลินิกว่านเซิงของเราเพียงแค่อยากจะช่วยเหลือสังคม แต่กลับถูกนักต้มตุ๋นหลอกเอาไปแล้ว เราจึงทำได้เพียงต้องมาตั้งแผงลอยรักษาคนที่นี่ แต่ไอ้คนหลอกลวงนี่ก็ยังไม่คิดจะปล่อยคลินิกว่านเซิงไป ซ้ำยังจะไล่เราไปอีกต่างหาก ทุกคนว่ามันสมเหตุสมผลหรือเปล่า?”
เปียนหยวนเห็นคนไข้ไม่น้อยเริ่มมาอยู่ฝั่งเขาแล้วก็พลันพูดปลุกปั่นต่อทันที คำพูดนี้ทำให้ไฟโทสะของเหล่าคนไข้ถูกจุดขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
เพราะเขาพูดให้คลินิกว่านเซิงเป็นผู้รักษาที่ช่วยชีวิตผู้คนและช่วยเหลือสังคม ส่วนเจียงเฉิงก็เป็นนักต้มตุ๋นชั่วร้ายที่ใจดำอำมหิต
“นี่มันมากเกินไปแล้ว คืนคลินิกว่านเซิงกลับไปซะ”
“ดวลกับฉัน?” เปียนเฉียนฟานแค่นยิ้มเย็นอย่างดูแคลน ราวกับว่าได้ยินเรื่องตลกขบขัน เขาเองก็มีประสบการณ์แพทย์มายี่สิบปีแล้ว ไอ้เด็กเหลือขอนี่กลับอยากจะดวลกับเขา
“ทำไม? คงไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ?” เจียงเฉิงยิ้มถามเปียนเฉียนฟาน
“ฉันเนี่ยนะจะกลัวแก?” เปียนเฉียนฟานตบโต๊ะอย่างโมโห ก่อนจะเอ่ยว่า “ไอ้เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”
“พ่อ อย่าไปดวลกับมันเลย” เปียนหยวนกลับดึงพ่อตัวเองไว้เบาๆ เพราะเขาเคยเห็นความสามารถของเจียงเฉิงมาก่อน หมอนั่นมีฝีมือแพทย์แพทย์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
“ทำไม? หรือแกคิดว่าฉันจะแพ้?” เปียนเฉียนฟานถลึงตาอย่างฉุนเฉียว
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่…...”
“ฉันพนันกับแก วันนี้ถ้าแกแพ้ งั้นก็คืนคลินิกให้เรา แล้วไสหัวออกไปจากเมืองเอกซะ ห้ามกลับมาอีกเด็ดขาด” เปียนเชียนหยวนพูดกับเจียงเฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว
“ตกลง สมกับเป็นลูกชายของหมอเทวดาเปียนว่านเซิงจริงๆด้วย” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ยด้วยสีหน้าเหิมเกริมว่า “แต่ถ้าหากคุณแพ้ ผมต้องการให้คุณกับลูกชายคุณ คุกเข่าขอโทษหอชุบชีวิตของผมซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง