เปียนเฉียนฟานได้ยินคำพูดของเจียงเฉิงก็พลันโกรธจนหน้าเขียว เดิมทีเขาอยากจะตีเนียนรีบเผ่น กลับคิดไม่ถึงว่าเจียงเฉิงจะให้เขาคุกเข่าขอโทษจริงๆ
“ไอ้เด็กเหลือขอ แกจะให้ฉันทำยังไงอีก?” เปียนเฉียนฟานถามเจียงเฉิงด้วยแววตาเย็นเยือก
“คุณคิดว่าไงล่ะ?” เจียงเฉิงยกยิ้ม แล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้พวกผมพนันกันไว้แล้ว คุณคงไม่ใช่ว่าลืมไปแล้วหรอกนะ?”
เปียนเฉียนฟานกวาดตามองรอบๆ ทุกคนล้วนกำลังมองเขา ซ้ำยังมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นอีกต่างหาก ราวกับว่าตั้งตารอให้เขาคุกเข่าขอโทษยังไงอย่างงั้น
“เจียงเฉิง แกอย่ามาข่มฉัน แกรู้ไหมว่าถ้าบีบบังคับให้ฉันคุกเข่าขอโทษแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?” เปียนเฉียนฟานย่อมไม่อยากทำเรื่องน่าอายแบบนั้น หากเขาคุกเข่าขอโทษจริงๆ คนที่อับอายจะไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่รวมถึงคลินิกว่านเซิงด้วย
เพราะไม่ว่ายังไงเจียงเฉิงก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นเปียนเฉียนฟานจึงอยากจะพึ่งพาอำนาจของตระกูลเปียนเกทับเจียงเฉิง ขู่ให้เขาอย่าล้ำเส้นเกินไป
เจียงเฉิงเองก็ย่อมเข้าใจ ว่าหมอนี่กำลังข่มขู่เขา หากเขาบีบบังคับให้อีกฝ่ายคุกเข่าขอโทษจริงๆ งั้นก็จะทำให้ตระกูลเปียนไม่พอใจแน่ๆ ทว่าเจียงเฉิงไม่กลัว ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกับเปียนหยวนมาก่อนแล้ว แม้จะทำให้พ่อเขาไม่พอใจอีกคน ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
“ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมรู้แค่ว่าคนที่ไม่แม้แต่จะรักษาคำพูดของตัวเอง ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นแพทย์” เจียงเฉิงยกยิ้มมุมปากบางๆ แล้วเอ่ยกับเปียนเฉียนฟานที่อยู่ตรงหน้า
“แก—“
เปียนเฉียนฟานชี้หน้าเจียงเฉิงอย่างโมโห ไอ้หมอนี่กัดไม่ปล่อยเลยจริงๆ ทั้งที่เขากะจะจากไปแล้วแท้ๆ แต่มันก็ยังไม่จบไม่สิ้น……
“คนตระกูลเปียนนี่ห่วยแตกขนาดนี้เลยเหรอ? สู้ไม่ได้ก็คือสู้ไม่ได้ ยังอยากจะผิดคำพูดอีก?”
“นี่มันก็น่าขายหน้าเกินไปแล้ว ฝีมือแพทย์สู้คนอายุน้อยกว่าไม่ได้ แม้แต่จรรยาบรรณแพทย์ก็เทียบคนอื่นไม่ติด”
คนไม่น้อยเห็นว่าเปียนเฉียนฟานไม่มีท่าทีที่จะคุกเข่าขอโทษ พลันเริ่มพากันตำหนิติเตียนเขา เปียนเฉียนฟานได้ยินคำพูดพวกนี้ก็ยิ่งเผยสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด
“หึ! ก็แค่คุกเข่าขอโทษ!”
เปียนเฉียนฟานไม่อยากให้คนมาดูหมิ่นบรรพบุรุษของตระกูลเปียน ดังนั้นจึงทำเสียงขึ้นจมูก แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าประตูหอชุบชีวิต ส่วนเปียนหยวนก็ยังไม่อยากตามไป
“ไอเด็กเวร มานี่!”
เปียนเฉียนฟานตะโกนเรียกเปียนหยวน เปียนหยวนไม่มีทางเลือก จึงต้องตามไปคุกเข่าหน้าหอชุบชีวิตเหมือนพ่อตัวเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มหัวจรดพื้นพร้อมกัน
หลังจากก้มหัวขอโทษเสร็จ ทั้งคู่ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที เปียนเฉียนฟานหันไปมองเจียงเฉิงด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ไอ้เด็กเวร แกจำคำพูดฉันไว้ให้ดี อายุยังน้อยก็อย่าแสดงความสามารถมากเกินไป ไม่งั้นจะถูกอิจฉาริษยาเอาได้”
”หากไม่แสดงความสามารถ ก็ไม่ใช่คนหนุ่มสาวแล้ว ขอบคุณครอบครัวหมอเทวดาเปียนที่ช่วยเหลือถึงสองครั้ง คราวหลังจะหาโอกาสไปแสดงความขอบคุณแน่นอน” เจียงเฉิงเองก็เอ่ยกับเปียนเฉียนฟานอย่างนอบน้อม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง