ก่อนหน้านี้ที่ลู่จ้านเผิงให้ความสำคัญกับเจียงเฉิง เพราะอยากจะใช้โอกาสที่ลูกสาวตัวเองถูกรักษาหายดึงตัวเจียงเฉิงมาเป็นพวก ทว่าเขากลับสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวของเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พอใจ
“พ่อพูดถูก ผมเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าเจียงเฉิงมากนัก” ลู่หยุนเฟยพูดตามน้ำพ่อ ตอนนั้นอยู่ที่หลูหยางเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกับเจียงเฉิงมาก่อน
“ฉันได้ยินว่า ครอบครัวเราร่วมมืออะไรสักอย่างกับเขาด้วยใช่หรือเปล่า?” ลู่จ้านเผิงจำได้ว่าลูกสาวเคยพูดถึง พลันเอ่ยถามทันที
“ใช่ครับ เครื่องสำอางแบรนด์หนึ่งที่ชื่อยูนิฝ่าง” ตอนนั้นลู่หยุนเฟยเองก็ไปร่วมเจราจาเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งยังยอมอ่อนข้อให้เจียงเฉิงอีกมากมาย ดังนั้นเขาเองก็รู้
“ยกเลิกความร่วมมือซะ จากนี้ไปห้ามคบค้ากับคนแซ่เจียงนี่เอง” ลู่จ้านเผิงเป็นคนเด็ดขาดมาโดยตลอด ไม่งั้นเขาก็ไม่มีทางขึ้นมาถึงตำแหน่งผู้นำตระกูลอันดับหนึ่งของเขตได้หรอก
“ยกเลิกความร่วมมือ?”
ลู่หยุนเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “แต่ว่าพ่อครับ ตอนนี้เสวี่ยถิงทุ่มเทกับธุรกิจเครื่องสำอางนี้มาก อีกทั้งยอดขายของเครื่องสำอางนี้เองก็ดีจริงๆ หากในอนาคตออกสู่ตลาดในปริมาณมาก ก็อาจจะเจาะตลาดทั้งประเทศจีนผ่านเมืองหลวงก็ได้”
เมื่อได้ยินคำตอบของลู่หยุนเฟย ลู่จ้านเผิงก็พลันตกตะลึง
“ยอดขายดีขนาดนี้เลยเหรอ?” ลู่จ้านเผิงถามอย่างรู้สึกอึ้งเล็กน้อย
“ใช่แล้วครับ ก่อนหน้านี้ผลิตแค่ในปริมาณน้อย แต่หลังจากที่ออกสู่ตลาดไม่นานก็ขายหมดเกลี้ยง ได้ยินว่าผลิตภัณฑ์ของยูนิฝ่างสามารถลบริ้วรอยและทำให้ผิวขาวใสได้ดีมากๆ เพราะฉะนั้นจึงได้รับความนิยมมาก” ลู่หยุนเฟยเอ่ยอย่างจริงจัง แม้เขาจะไม่ชอบเจียงเฉิง แต่เรื่องที่เป็นความจริงเขาก็ต้องพูด
ลู่จ้านเผิงได้ยินดังนั้นเองก็เริ่มครุ่นคิด เพราะธุรกิจเครื่องสำอางเป็นธุรกิจที่กำไรเยอะอีกทั้งยังมั่นคง นี่เองก็ถือเป็นหนึ่งในช่องทางทำกำไรที่สำคัญของตระกูลลู่
“งั้นก็ได้ ในเมื่อเป็นเป็นแบบนี้ ก็รักษาความร่วมมือนี้ไว้ชั่วคราวก่อน เพียงแต่ห้ามให้เสวี่ยถิงไปอีกเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องอะไรอีก นายก็ไปคุยแทนละกัน” ลู่จ้านเผิงเอ่ยเสียงเบา เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเฉิงจะเก่งไม่เบาเลยจริงๆ เดาว่ายูนิฝ่างนี้เองก็ใช้เวลาคิดค้นไม่น้อยเลยสินะ
อันที่จริงลู่จ้านเผิงคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าของสิ่งนี้ถูกทำออกมาโดยบังเอิญในตอนที่เจียงเฉิงรักษาอาการป่วยให้คนไข้ ไม่ได้เสียเวลาไปคิดค้นเลยสักนิด
“หมอเจียง ตำรับยาก่อนหน้านี้ ต้องใช้โป่งรากสนเท่าไหร่?” เหยียนปิงหรูกำลังถามเจียงเฉิงในหอชุบชีวิต
“ร้อยห้าสิบกรัมพอ” เจียงเฉิงมองแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเบา
“เข้าใจแล้ว” เหยียนปิงหรูตอบ ก่อนจะชั่งน้ำหนักยา จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยว่า “ชื่อเสียงสำคัญสุดจริงๆด้วย คนไข้ที่มาหาหมอวันนี้เหมือนจะเยอะขึ้นมาหน่อยแล้ว”
ขณะที่เจียงเฉิงตรวจคนไข้ไปพลาง พูดคุยกับเหยียนปิงหรูไปพลาง ณ ด้านนอกที่ไม่ไกลจากหอชุบชีวิตก็มีรถมาจอดสองคัน
มีคนไม่น้อยลงจากรถ อีกทั้งยังขนโต๊ะพับและเก้าอี้พับลงมาจากรถด้วย ก่อนจะปูผ้าขาว ซึ่งมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า—คลินิกว่านเชิง
รถคันด้านหน้าสุดเองก็มีชายวัยกลางและชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมา ซึ่งก็คือสองพ่อลูกเปียนเฉียนฟานและเปียนหยวนนั่นเอง
”พ่อ ผมบอกแล้ว ว่าเจ้าหมอนั่นก็คือสวะ ใช่เศรษฐีหนุ่มสักที่ไหนกัน” เปียนหยวนเอ่ยกับเปียนเฉียนฟาน
“ใช่แล้ว หลอกเอาคลินิกของเราไป จะไม่มีทางให้มันได้อยู่อย่างสุขสงบแน่ๆ” เปียนเฉียนฟานเองก็เอ่ยเสียงเย็น
เปียนว่านเชิงไปสืบที่เมืองหลวงมาแล้ว ตระกูลเจียงไม่มีคุณชายที่ชื่อเจียงเฉิง ดังนั้นเจียงเฉิงต้องเป็นนักต้มตุ๋นแน่ๆ เปียนเฉียนฟานต้องการทวงคลินิกคืนมา จึงมาที่นี่กับลูกชาย
“หอชุบชีวิต?”
เปียนเฉียนฟานเห็นป้ายนี้แล้วก็พลันแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “เดี๋ยวจะทำให้แกกลับมาเป็นคลินิกว่านเชิงของเรา”
“ทุกคนเร่เข้ามาๆ คลินิกว่านเชิงตรวจรักษาฟรี ฟรีหมดไม่ต้องจ่ายตังค์” เมื่อเปียนหยวนเห็นว่าทุกอย่างเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จึงจะตะโกนเรียกลูกค้า
เดิมทียังมีคนไม่น้อยกำลังจะไปคลินิกของเจียงเฉิง ทว่าพอเห็นป้ายของคลินิกว่านเชิงก็รีบไปหาหมอที่นั่นกันทันที
แม้กระทั่งคนไข้ที่เจียงเฉิงกำลังตรวจรักษา เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกลูกค้าจากด้านนอกก็วิ่งไปตรงนั้นกันหมดแล้ว
“คลินิกว่านเชิงกลับมาแล้วงั้นเหรอ ไปดูข้างนอกดีกว่า”
“นั่นสิ ยังไงคลินิกว่านเชิงก็น่าพึ่งพากว่าอยู่ดี ไปกันเถอะๆ!”
เจียงเฉิงเห็นคนไข้แห่กันไปหมดก็พลันขมวดคิ้ว เหยียนปิงหรูเห็นสถานการณ์แบบนี้เองก็พลันสงสัย ทำไมคลินิกว่านเชิงถึงกลับมาอีกแล้ว?
“หมอเจียง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เหยียนปิงหรูถามอย่างกังวลเล็กน้อย
“ออกไปดูกันเถอะ!”
เจียงเฉิงเห็นดังนั้นเองก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที เห็นเพียงคลินิกว่านเชิงมาตั้งโต๊ะอยู่ข้างๆไม่ไกลจากคลินิก และกำลังตรวจรักษาฟรี คนไข้ของเขาเองก็ล้วนไปหาหมอที่คลินิกว่านเชิงกันหมดแล้ว
“หมอเจียง นี่มันมาแย่งลูกค้ากันซึ่งๆหน้าเลยไม่ใช่หรือไง?” เหยียนปิงหรูเห็นดังนั้นก็พลันเอ่ยอย่างโมโหเล็กน้อย เดิมทีคลินิกของเจียงเฉิงก็เริ่มมีคนเยอะขึ้นแล้วแท้ๆ หากเป็นแบบนี้ คนไข้ก็หนีหายไปหมดเลยน่ะสิ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง