ด้านริวนับว่าเป็นมื้อแรกที่ตนนั้นได้นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวกับเจนิสและลูกชาย ที่ตอนนี้ทั้งสามนั่งทานข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีน้องฟรอสต์นั้นนั่งคุยโม้กับริวขณะทีเคี้ยวข้าวเต็มปาก โดยที่มีริวนั้นคอยทำหน้าที่ป้อนข้าวน้องฟรอสต์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั้นเอง เป็นภาพที่ใครได้เห็นทำเอาหลายคนที่อยู่ร้านนั้นถึงกับอดยิ้มตามความน่ารักของน้องฟรอสต์นั้นไม่ได้
"น้องฟรอสต์ครับ เคี้ยวข้าวให้หมดก่อนนะครับแล้วค่อยพูดและเจ้าตัวแสบ ขี้โม้จังเลยนะเรา" เจนิสที่เห็นท่าทีของลูกชายที่ทั้งพูดและเริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง ได้แต่เอ็ดลูกชายมาเบ่าๆ เพราะตอนนี้ไม่นั่งที่ของตน แต่ขยับตัวและลุกไปนั่งบนตักของริวเป็นที่เรียบร้อย
"น้องฟรอสต์อยากนั่งตรงนี้ครับม่ามี้" เด็กน้อยเอ่ยพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับริว
"ไม่เอาสิคะ ไม่กวนผู้ใหญ่นะลูก" เจนิสเอ่ยน้ำเสียงนิ่งปนดุลูกเล็กน้อย
"ให้ลูกนั่งไปเถอะครับ พี่ชอบให้ลูกนั่งบนตักพี่" ริวไม่พูดเปล่าพร้อมกับเผยยิ้มให้กับเจนิสนั้นด้วย
"ให้ท้ายกันเก่ง แบบนี้ลูกฉันได้เสียคนกันพอดี" เสียงนิ่งปนดุเอ่ยให้กับพ่อของลูก จากนั่งเจนิสก็ละสายตาออกจากใบหน้าของริว มาสนใจข้าวในจานของเธอแทน แค่ไม่กี่วันน้องฟรอสต์ก็ติดพี่ริวหนักมาก ติดแบบนี้เดี๋ยวให้เอาไปเลี้ยงซักสองคืน จะได้รู้ถึงความแสบของลูกชาย เจนิสได้แต่มองค้อนให้กับริวที่ยกยิ้มให้กับเธอ
อีกด้านของแป้งหลังจากที่ฉันกลับมาจากเยี่ยมคุณลุงพ่อของเจนิสแล้วนั้น ฉันก็พาคุณแม่นั้นมาทานข้าวต่อ ฉันพึ่งจะทราบไม่กี่วันนี้เองว่ายัยเจนิสนั้นกลับมาแล้ว ฉันว่าฉันคงต้องกลับเข้าบ้านเพื่อไปทักน้องสาวสุดที่รักของฉันบ้างแล้วแหละ และตอนนี้หลังจากที่คุณแม่ทะเลาะกับคุณลุงหนักถึงขั้นคุณลุงเข้าโรงพยาบาล คุณแม่ขนพวกของมีค่า เครื่องประดับทั้งหลายมาเก็บที่คอนโดของฉัน เรื่องงานที่บริษัทจะโทษฉันกับแม่ก็ไม่ถูกหรอกนะ ในเมื่อคุณลุงท่านดันโง่เชื่อใจพวกเราเอง ช่วยไม่ได้ และตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือที่ดินผืนที่อยู่ในเมืองพัทยา ฉันอยากรู้มากว่าที่ดินผืนนั้นของคุณลุงโอนเป็นชื่อใคร เพราะคุณมนตรี ผู้ช่วยของคุณแม่บอกว่าที่ดินมูลค่ากว่าร้อยล้านผืนนั้นไม่ใช่ชื่อของคุณลุง ถ้าเป็นชื่อของฉันเจนิสจริงๆ อย่างที่ฉันคิดละก็ เท่ากับว่าคุณลุงนั้นเล่นไม่ซื่อ หักหลังแม่ของฉัน นั้นคือสิ่งที่ฉันรับไม่ได้
หลังจากที่ฉันทานเสร็จฉันและคุณแม่กำลังจะกลับ แต่ในจังหวะที่เดินออกมาจากร้านนั่นสายตาของฉันสะดุดเข้ากับร่างสูงอันคุ้นตาของริวที่ยืนอยู่หน้าร้าน โดยมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ริวกำลังหยอกล้ออยู่กับเขา เมื่อบังเอิญเห็นว่าริวนั้นอยู่ที่ร้านนี้ด้วยนั้น แป้งเองก็ไม่รอช้า ร่างบางอันสมส่วนของแป้งเดินเข้าไปทักทายคนที่ตนนั้นรู้จักทันที
"ริว คะ" เสียงหวานของแป้งเอ่ยทักทายริว
" แป้ง หวัดดีครับ" ริวที่กำลังวุ่นวายอยู่กับน้องฟรอสต์นั้น ถึงกับเอ่ยทักเพื่อน แต่สายตาสะดุดเข้ากับผู้หญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามากับแป้งด้วยนั้น
"เออ นี้คุณแม่ของเราหนะ" แป้งเอ่ยแนะนำริวกับคุณลัดดา
"สวัสดีครับ คุณแม่" ริวเอ่ยกับคุณลัดดาตามมารยาท
"สวัสดีจ๊ะ ลูกชายหรือจ๊ะ หน้าตาน่ารักเชียว" ลัดดาเอ่ยถามกับริว หึ...นี้ใช่ไหมชายหนุ่มที่แป้งนั้นเคยพูดถึงอยู่บ่อยๆ เหตุใดผู้ชายคนนี้ถึงได้มีลูกแล้ว ใบหน้าลัดดาขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยท่าทีสงสัย
"ใช่ครับ" ริวเอ่ยตอบกับคุณลัดดา ด้านแป้งที่ยืนอยู่เช่นนั้นใบหน้าสวยถึงกับซีดเผือกลงทันที ริวนี้นะมีลูกแล้วฉันไม่อยากจะเชื่อ ให้ตายเถอะนี้ฉันตกข่าวเรื่องริวไปได้ยังไง วันก่อนที่งานรับตำแหน่งใหม่เขายังประกาศตัวว่าโสดอยู่เลย งานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นผ่านมายังไม่ถึงสามเดือนแต่ดูหน้าตาเด็กคนนี้แล้วน่าจะลูกชายของริวจริง อ่า...ฉันชักอยากจะเห็นหน้าแม่ของเด็กคนนี้แล้วสิ แป้งที่ชะเง้อมองเข้าภายในร้านก็ไม่เห็นว่าแม่ของเด็กจะเดินออกมาซักที
จนกระทั่งร่างบางของเจนิสที่เดินออกมาจากห้องน้ำ และเดินเข้ามาหาริวและลูกชาย น้องฟรอสต์ที่เห็นเจนิสเดินเข้ามาหาตน
"ม่ามี้....คร๊าบ" เสียงเรียกของฟรอสต์ทำเอา แป้งและลัดดาที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับหันไปตามเสียง
ร่างบางใบหน้าสวยในชุดแซกสีครีมที่คลุมทับด้วยเสื้อทรงสูทสีเข้ม ผมยาวถูกม้วนเป็นลอนเพื่อเพิ่มความสวยและดูดีมั่นใจเดินเข้ามาหาลูกชายที่เล่นอยู่กับริว ทำเอาสองแม่ลูกคุณลัดดาและแป้งที่เห็นเจนิสถึงกับตกใจตาค้างไปตามๆ กัน ที่เจนิสนั่นทั้งดูสวยและดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
"เจนิส..." ทั้งสองแม่ลูกเอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมๆ กัน ทำเอาริวถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยท่าทีสงสัย นี้พวกเขารู้จักกันด้วยเหรอ ร่างบางของเจนิสเดินมาหยุดต่อหน้าของแป้งและลัดดาด้วยท่าทียิ้มเย้ยยันออกมาทักทายสองแม่ลูก
"เจอ เจทำไมคุณป้า และพี่แป้งดูตกใจมากขนาดนั้นละคะ" ร่างบางยืนกอดอกสายตาเหลือบมองสองแม่ลูก และเอ่ยมาเสียงแข็งออกมาอย่างทักทาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คลั่งรักร้ายนายวิศวะ