สรุปเนื้อหา บทที่ 62 – คนเสเพล โดย ชะนีติดมันส์
บท บทที่ 62 ของ คนเสเพล ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชะนีติดมันส์ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
วันต่อมา..
"วันนั้นฉันก็บอกแม่ของแกไปแล้วนี่ แต่ทำไม.." ทอรุ้งเป็นอีกคนที่ได้ยินข่าวนี้ แล้วก็รีบมาหาแพรไหมที่บ้าน พอเห็นสภาพของเพื่อนที่ถูกแม่ตี มันทำให้เธอตำหนิตัวเอง ที่เป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา
"ช่างมันเถอะ ถึงคราวตายแล้วมั้ง" แพรไหมพูดออกมาเหมือนกับคนที่ปลงตกแล้ว
"แกอย่าพูดแบบนี้อีกนะไหม แล้วนี่ชนกันต์มันว่ายังไงบ้าง"
"ไม่ต้องไปพูดถึงเขาได้ไหม" ..แค่ดึงเขาเข้ามาข้องเกี่ยวกับครอบครัวของเธอก็รู้สึกเกรงใจจะแย่อยู่แล้ว
"ฉันไม่พูดถึงก็ได้ แกพักผ่อนนะ"
ทอรุ้งออกมาจากบ้านของแพรไหมก็ตรงไปที่บ้านชนกันต์ เพราะยังไงเธอก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง จะทิ้งแพรไหมไว้แบบนี้คงไม่ได้
"คุณกันต์ไม่อยู่ครับ" คนที่พูดก็คือบอดี้การ์ดของพ่อชนกันต์
"แล้วเขาไปไหนคะ"
"เห็นบอกว่าไปช่วยงานศพบ้านเพื่อนครับ"
"รู้ไหมคะว่าที่ไหน"
"ไม่รู้หรอกครับ"
"ค่ะ" หญิงสาวออกมาก็เลยกดโทรศัพท์ไปหา ที่เธอไม่โทรก่อนหน้านั้นก็เพราะอยากจะคุยกันแบบเห็นหน้า
[งานศพ]
"ใครโทรมา ทำไมมึงถึงไม่รับ"
"ไม่มีอะไรหรอก" แค่เขาเห็นว่าเป็นใครที่โทรมา ก็รู้แล้วว่าโทรมาเพราะเรื่องอะไร
ชนกันต์เป็นอีกคนที่หวงความอิสระมาก เพราะเพื่อนทั้งสี่คนก็ยังไม่มีใครมีครอบครัว อยากควงสาวๆ คนไหนไปออกทริปด้วยก็เลือกได้ แต่ถ้ามีครอบครัวแล้วชีวิตอิสระแบบนั้นคงไม่เหลือ
เช้าวันต่อมา..
"ทำไมนายไม่รับโทรศัพท์ฉัน"
"ความพยายามเธอสูงมากเลยนะ" ที่เขาพูดแบบนั้น เพราะทอรุ้งมายืนดักหน้ารถ ตอนที่เขาขับรถออกจากบ้าน
"ยังไงฉันต้องคุยกับนายให้ได้ นายรู้ไหมว่าตอนนี้.."
"เธอนี่จู้จี้จุกจิกจังเลยนะรุ้ง"
"นายฟังฉันก่อนสิ"
"ไม่ฟัง และก็ไม่ช่วย จบ..พอแค่นี้"
"แพรไหมน่าสงสารมากเลยนะรู้ไหม ตอนนี้ถูกแม่ตีไม่พอ ยังถูกขังไว้ที่บ้าน"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นตัวตั้งตัวตี"
"ฉันไม่คิดว่าแม่ของแพรไหมจะโหดร้ายขนาดนั้นนี่ นายช่วยหน่อยสิ"
"ไม่ช่วย"
{"พอเถอะรุ้ง"} ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในมือของทอรุ้งก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้น เพราะทอรุ้งกำลังคุยสายค้างอยู่กับแพรไหม แถมยังเปิดลำโพงไว้
"อะไรของพวกเธอนักหนาวะ!" ชนกันต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่รำคาญ อีกอย่างคือเขาเกลียดน้ำตาผู้หญิง แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเธอคนนั้นกำลังร้องไห้
และแบบนี้แหละทอรุ้งถึงให้แพรไหมฟังด้วย เขารู้ดีว่าชนกันต์ต้องใจอ่อนแน่
"ก็ได้! แล้วค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังไง"
[บ้านแพรไหม]
พอทอรุ้งเห็นว่าชนกันต์เริ่มใจอ่อน เธอก็ลากเขามาที่บ้านของแพรไหมในทันที เพราะถ้าทิ้งเวลาไปกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
"จะเอายังไงก็ว่ามา วันนี้วันเผาแม่ของมนตรีรู้ไหม"
"วันเผาแล้วเหรอ" คนที่พูดก็คือแพรไหม ตอนนี้เธอออกมาคุยกับพวกเขาที่หน้าบ้าน
ทั้งสามยังไม่ทันได้พูดอะไรกันมากไปกว่านั้น พี่ชายของเธอก็ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามา
"ว่าไงน้องเขย วันนี้มาหาเมียแต่เช้าเลยนะ"
"พี่เอาอะไรมาพูด" พอได้ยินแบบนั้นแพรไหมถึงกับตำหนิพี่ชายที่พูดพล่อยๆ
"อีกแค่ไม่กี่วัน ก็จะถึงวันแต่งของเราแล้ว" แต่ดูเหมือนพี่ชายจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
"วันแต่ง???" ทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกันแบบตกใจ
"ใครจะแต่งกับใคร" ชนกันต์เป็นคนถามต่อ
"ก็น้องเขยกับน้องสาวของพี่ไง พ่อของน้องเขย ตกลงเรื่องงานแต่งแล้วนะ"
"แล้วไงต่อ"
"นายจะไปไหนกับเพื่อนของนาย ฉันก็ไม่ห้าม"
"แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาห้าม อย่าบอกนะที่พูดมาทั้งหมดคือจะให้ฉันรับผิดชอบ?"
แพรไหมถึงกับพูดอะไรไม่ออก
"เอาเถอะยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ฉันติดกับดักแล้วนี่"
"ติดกับดักหมายความว่ายังไง"
"เธอรู้ดียิ่งกว่าใคร ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ อย่าลืมเรื่องที่พูดแล้วกัน" เขาหมายถึงเรื่องที่เธอจะปล่อยเขาเป็นอิสระหลังจากที่ได้แต่งงานกัน
ซึ่งแพรไหมพูดอะไรออกมามากกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะรู้แล้วว่าตอนนี้เขาคงจะเข้าใจผิด คงคิดว่าเธออยากจะจับเขาจนเนื้อเต้น ถึงแม้จะอธิบายไปก็คงเป็นได้แค่คำแก้ตัว หญิงสาวก็เลยเลือกที่จะเงียบ
"ไหนบอกจะคุยแค่แป๊บเดียวไง" เขาดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เมื่อเห็นเธอเอาแต่เงียบ
"ฉันไปนะ"
"เชิญ"
สองวันต่อมา..
เจ้าบ่าวไม่ยอมยกขันหมากไปบ้านเจ้าสาว ทางเจ้าสาวก็เลยยกขันหมากมาบ้านเจ้าบ่าวแทน เพราะแม่กับพี่ชายของเธอบอกว่าไม่ถือเรื่องนี้
ชาวบ้านต่างก็มองด้วยสายตาแบบเดียวกัน และมันก็เป็นแบบที่เขามอง เธอคงห้ามใครคิดแบบนั้นไม่ได้
ขันหมากของเจ้าสาวถูกยกมาที่หน้าบ้านหลังใหญ่ เสี่ยชนะชัยก็เลยให้คนไปเปิดประตูให้ ส่วนชนกันต์เพิ่งจะตื่นนอนแล้วเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดนอน
วันนี้ทอรุ้งมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ในใจสงสารเพื่อนมาก
"หาวววววว" เสียงชนกันต์หาวออกมาเหมือนกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม หรือจงใจทำมากกว่า
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะเสี่ย เป็นธรรมชาติดีออก" แม่ของแพรไหม ยิ้มแทบไม่หุบ เมื่อได้เป็นดองกับเสี่ยชนะชัย ไม่ว่าฝ่ายเจ้าบ่าวจะมีท่าทีไม่ต้อนรับขนาดไหน ทั้งแม่และพี่ชายก็ยังยิ้มได้
"อย่านานนะ ฉันมีธุระ" มันคือคำพูดของคนที่เป็นเจ้าบ่าว
"ไม่นานหรอกน้องเขย แค่ยกของหมั้นของแต่งเสร็จ ขบวนก็จะกลับแล้ว" พี่ชายเธอหมายถึงว่าแค่เอาเงินมาแลกกับตัวเจ้าสาว ขบวนขันหมากก็พร้อมที่จะกลับ
ส่วนแพรไหมไม่ต้องพูดถึง คำว่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ยังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของเธอในเวลานี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คนเสเพล