ความประหลาดใจของออกัสก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเชอร์รีนเลย คิ้วหนาขมวด แววตาเคร่งขรึม “คุณมาได้ยังไง?”
หยาดฝนยิ้มตอบ“ได้ยินคุณยายบอกว่าพวกคุณมาที่นี่ ฉันก็เลยอยากมาดูบ้าง ได้ยินว่าที่นี้วิวสวยตลอดปีเลย”
ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนก็ยกยิ้มมุมปาก เพียงแต่มีนัยเย็นเยียบและประชดประชันเจืออยู่
การชมวิวทิวทัศน์คงเป็นเรื่องลวงโลก มีเจตนาแอบแฝงถึงจะเป็นเรื่องจริง……
“สุขภาพเป็นยังไงบ้าง?” คิ้วงามของเขายังคงขมวดแน่น อารมณ์ระหว่างคิ้วนั้นยากแท้หยั่งถึง
“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ หมอบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว วิ่งยังได้เลยค่ะ” การเป็นห่วงเป็นใยของเขาทำให้หยาดฝนยิ่งรู้สึกเบิกบานใจมากขึ้น
ได้ยินทั้งสองสนทนาราวกับไม่มีคนอื่น เชอร์รีนก็จิบเล็บที่ฝ่ามือ ความเจ็บปวดจะทำให้รู้แจ้งเห็นจริงอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น
เธอไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่อีก เธอสวมเสื้อกันหนาวทับชุดนอน จากนั้นก็เดินผ่านพวกเขาออกไป
คฤหาสน์หลังนี้ตั้งโดดๆเพียงหลังเดียว บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยพืชพรรณดอกไม้นาๆชนิด ถึงแม้ฟ้าจะมืดมิด ทว่าแค่พึ่งแสงไฟก็สามารถเห็นทัศนียภาพเด่นชัดแล้ว
อากาศเย็นสดชื่นมาก ทำให้เบิกบานและผ่อนคลายเมื่อสูดอากาศเข้าเต็มปอด ความหดหู่ในใจเธอจึงมลายหายไปทีละนิด
เธอเดินบนถนนที่ปูด้วยหินสายเล็กๆจนสุดท้ายแล้วก็หันหน้ากลับไปทางเดิน
ตอนออกมาเป็นเวลาสองทุ่ม ตอนนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว จึงออกมาสองชั่วโมงพอดี
เวลาสองชั่วโมงไม่มากไม่น้อย เธอคิดว่าคงเพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองคุยกันเสร็จ การไม่เห็นอะไรย่อมสงบสุขเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้เธอสามารถกลับขึ้นไปพักผ่อนได้แล้ว
แต่ใครจะไปรู้ เธอพึ่งก้าวเข้าคฤหาสน์ก็เห็นทั้งสองไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
ได้ยินเสียงฝีเท้า ออกัสกวาดสายตามองพร้อมกับกล่าวเสียงเคร่งขรึม “ทำไมพึ่งกลับมา?”
ได้ยินดังนั้นเชอร์รีนก็ยิ้มอย่างแดกดัน เขาไม่รู้สึกว่าไม่ควรถามอย่างนี้ต่อหน้าหยาดฝนหรอกเหรอ?
หยาดฝนก็มองมาด้วยสีหน้าอ่อนโยน เสียงใสราวกับนกกระจิบ“ใช่ เชอร์รีน เธอกำลังท้องอยู่ ตอนกลางคืนอากาศหนาวมาก หากไม่ระวังจะเป็นหวัดได้ ดังนั้นควรระมัดระวังถึงจะดี”
ผู้หญิงคนนี้ละมุนละม่อมไปทุกด้าน รู้จักรุก รู้จักถอย ยิ่งรู้ว่าเวลาไหนควรพูดหรือไม่ควรพูดอะไร
ทว่าเธอกลับไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้สุดๆ รู้สึกจอมปลอมเกินไป
“คุณใจกว้างอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ?” เชอร์รีนมองหยาดฝนแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก และจ้องเขม็งเธอ
“เชอร์รีน ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่” ใบหน้าของหยาดฝนไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ยังคงอ่อนโยนดุจเดิม
“ฟังไม่เข้าใจหรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ?” เชอร์รีนฉีกหน้ากากทั้งสองออกทันที “คุณรักเขาไม่ใช่เหรอ?มีเจตนาแอบแฝงที่มาที่นี่ไม่ใช่หรอกเหรอ?”
หยาดฝนก้มหน้านั่งบนโซฟาอย่างเงียบๆ เมื่อเทียบกันแล้ว เชอร์รีนเหมือนเป็นฝ่ายพูดคาดคั้นอีกฝ่ายเสียมากกว่า
“ในเมื่อรักเขารักขนาดนั้น แต่กลับมาพูดจาเป็นห่วงฉัน ใส่ใจฉันอย่างนี้ คุณไม่รู้สึกคลื่นไส้ แต่ฉันรู้สึกคลื่นไส้และอึดอัดมาก”
นิ้วมือขาวผุดผ่องราวต้นหอมกำปลายเสื้อไว้อย่างไม่รู้ตัว หยาดฝนเงยหน้าด้วยนัยน์ตาอ่อนนุ่ม “เชอร์รีน ฉันพูดจากใจจริง ไม่ได้พูดเสแสร้งสักคำ”
“ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นคำจริงใจหรือไม่ ฉันไม่สนใจ แต่ฉันไม่อยากฟังคำเป็นห่วงจากคุณ ไม่อยากฟังแม้แต่คำเดียว คุณเข้าใจไหม?”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าหยาดฝนหม่นหมองเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า“ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้สึกไม่ดีกับฉันมากเพียงนี้”
“คำนี้พูดถูก ฉันไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว คุณใจกว้าง สามารถทนได้ แต่ฉันไม่ใช่ ฉันเป็นคนใจแคบ ไม่อาจทนมองเสี้ยนหนามได้ ตามหลักแล้ว ฉันเป็นเมียของเขา และคุณมีศัพท์เป็นอาของเขา ตอนนี้คุณแทรกตัวเข้ามาอย่างนี้ ไม่ว่าพวกคุณจะรักกันมากแค่ไหน แต่ตอนนี้คุณก็เป็นแค่เมียน้อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง