สรุปเนื้อหา บทที่ 190 ไล่เธอออกไป – ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง โดย candy cat
บท บทที่ 190 ไล่เธอออกไป ของ ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย candy cat อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
พอหยาดฝนกลับมาเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะหมั้นกัน แล้วก็แต่งงานกัน……
เหอะ นั่นมาคือเรื่องของพวกเขา เกี่ยวอะไรกับด้วย?
แต่ว่า มือที่ห้อยไว้ข้างกายยังคงกำแน่นโดยไม่ตั้งใจ แต่ว่าใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มจางๆ ที่เย็นชา เธอได้แต่ยิ้มและมองหน้าสุนันท์อยู่แบบนั้น
สีหน้าที่ลึกซึ้งจนคาดไม่ถูกแบบนี้ทำสุนันท์มองไม่ออก โดยเฉพาะรอยยิ้มมุมปากของเธอ ทำให้เธอรู้สึกอับอายและโมโห “เธอยิ้มอะไรของเธอ?”
“ไม่ได้ยิ้มอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าชีวิตของคุณมันน่าเบื่อไปหน่อยเท่านั้นเอง เมื่อ 4 ปีที่แล้วพยายามทำทุกทางให้พวกเขาแยกออกจากกัน แต่ว่า4ปีถัดมากับจะให้เขาหมั้นกัน นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ? ไม่มีอะไรดีกว่านี้ให้ทำแล้วเหรอ”
“เธอ——”สุนันท์โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง แล้วก็จ้องหน้าเชอร์รีนอย่างหลายกะ
“แล้วอีกอย่าง คุณคิดว่าฉันอยากจะเข้าไปอยู่ในตระกูลสิริไพบูรณ์อย่างนั้นเหรอคะ? เมื่อ 4 ปีก่อนฉันเคยเข้าไปได้ แต่ว่าตอนหย่ากันแล้วก็ไม่มีแม้แต่ค่าหย่า คุณคิดว่าฉันยังอยากจะเข้าไปอยู่ในตระกูลสิริไพบูรณ์อีกงั้นเหรอ?”
เชอร์รีนหัวเราะเบาๆ “อ้อ ใช่สิ ฉันเกือบจะลืมไปเลย เช็คใบนั้นที่ให้ฉันคุณหญิงตระกูลสิริไพบูรณ์เป็นคนฉีกด้วยมือของตัวเอง ก็ถือว่าให้ไม่ได้ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องพาลโกรธขนาดนั้นเลยไม่ใช่เหรอคะ?”
สุนันท์โกรธจนหน้าซีด หลังจากทะเลาะกันอยู่นาน เธอก็ไม่ได้เงินคืน แถมยังโดนยัยเจ้าผู้หญิงชั้นต่ำนี้เยาะเย้ยเธอกลับมาแทน!
“ได้ เธอจำคำพูดของเธอในวันนี้เอาไว้นะ หวังว่าในอนาคตเธอคงไม่ต้องกลายเป็นร่อนเร่เหมือนปีศาจจิ้งจอกนะ!”
ถึงแม้ว่าซารางจะยังเด็ก แต่ว่าเธอสามารถอ่านสายตาของคนออก เห็นได้ชัดว่าคุณย่ากำลังทะเลาะกับหม่ามี๊อยู่
แล้วพอได้ยินคำว่าปีศาจจิ้งจอก เธอก็รู้ในทันทีว่าย่ากำลังด่าหม่ามี๊อยู่ ดวงตาที่กลมโตจ้องมองไปที่สุนันนท์ แล้วก็พูดเสียงดังว่า “แม่มดเฒ่า ห้ามด่าหม่ามี๊นะ!”
ครั้งก่อน เธอชอบย่าคนนี้มาก แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ชอบอีกแล้ว เพราะว่าเธอด่าหม่ามี๊เป็นปีศาจจิ้งจอก!
แม่มดเฒ่า……
สุนันท์โกรธจนเอามือกุมหัว แล้วก็มองซาราง “ทำไมหนูถึงไม่ได้รับการสั่งสอนขนาดนี้? ”
“เพราะว่าย่าด่าหม่ามี๊เป็นจิ้งจอก หนูถึงได้ด่าว่าย่าว่าเป็นแม่มดเฒ่า ย่าด่าคนอื่นก่อน แสดงว่าย่าไม่ได้รับการสั่งสอนก่อน แล้วหนูถึงตามมา!”ซารางก็รู้ว่าอะไรผิดก่อนผิดหลัง
แม่ลูกทั้งสองคนเหมือนกันมาก! พูดจาเจ็บแสบและโหดร้าย!
ควรให้ออกัสคอยจับตามองปากแม่ลูกคู่นี้ให้ดี!
“ออสัสล่ะ? ” หัวใจของสุนันท์เต็มไปด้วยเปลวเพลิง แล้วก็มองไปที่ป้าบัวที่อยู่ข้างๆ
“เมื่อกี้คุณออกัสไปบริษัทแล้วค่ะ ยังออกไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก”ตอนนี้ป้าบัวก็ไม่ชอบสุนันท์เท่าไหร่นัก คำพูดของเธอก็เลยไม่ค่อยน่าฟัง
พอได้ยินดังนั้น สุนันท์ก็ขยับตัวและนั่งลงบนโซฟา พร้อมกับออกคำสั่งกับป้าบัวว่า “ไล่เธอออกไป!”
คนที่เธอหมายถึงนั้น ก็คือเชอร์รีน……
พอได้ยินดังนั้น ป้าบัวก็หันไปมองเชอร์รีน แล้วก็กลับมามองสุนันท์ แต่ว่าเธอยืนยันอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน รู้สึกลำบากใจมาก
สุนันท์หยิบกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม แล้วก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชา “หรือว่าฉันแตะต้องเธอไม่ได้เหรอ? ตอนนี้เธอไม่ใช่ลูกสะใภ้ของตระกูลสิริไพบูรณ์อีกต่อไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นคนแปลกหน้า แล้วนี่ก็เย็นขนาดนี้แล้ว จะปล่อยให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในคอนโดลูกชายฉันได้ยังไง? ถ้าเกิดว่าไม่ไล่เธอออกไป เธอจะไปแทนก็ได้นะ !”
ป้าบัวยืนอยู่ที่เดิมด้วยความลำบากใจ พอเห็นดังนั้น เชอร์รีนก็หัวเราะออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูกถากถาง
ผ่านไป4ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าความคิด สุนันท์ก็ไม่ได้มีอะไรพัฒนาเลย
“ถ้าเกิดว่าฉันจะไปจริงๆ จำเป็นต้องให้คุณมาไล่ด้วยเหรอคะ? ”
พอพูดจบ เชอร์รีนก็อุ้มซารางขึ้นมา แล้วก็เดินออกไปจากคอนโดโดยที่ไม่ได้แม้แต่มองหน้าสุนันท์ด้วยซ้ำ
ในตอนนี้ ในคอนโดก็เหลือเพียงแค่สุนันท์กับป้าบัว บรรยากาศเงียบผิดปกติ
ความโกรธยังคงแผดเผาอยู่ในใจสุนันท์ ดื่มกาแฟเข้าไปหลายแก้ แล้วป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ระมัดระวัง
หลังจากผ่านไป4-5แก้ว ความโกรธของเธอก็ค่อยๆ หายไป “ต่อไป ถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนนั้นมาที่คอนโดนี้อีก เธอต้องรีบโทรหาฉันในทันที เข้าใจไหม? ”
“ค่ะ คุณหญิงตระกูลสิริไพบูรณ์” ป้าบัวตอบรับ
“แล้วเธอล่ะ เชื่อเขาไหม? ”เชอร์รีนถามต่อ
ตอนนี้ หัสดินก็อธิบายเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าประเด็นก็อยู่ที่ตัวของยู่ยี่ เธอเชื่อเขา หรือว่าไม่เชื่อกันแน่?
“เชื่อ……”คำพูดของเธอชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันอยากจะเชื่อเขา ถ้าเกิดว่าเธอเป็นฉัน เธอจะเชื่อเขาไหม? ”
เชอร์รีนส่ายหน้า แล้วก็ค่อยๆ พูดว่า “ยู่ยี่ เรื่องอื่นเราสามารถคิดแทนกันได้นะ แต่ว่าเรื่องเดียวที่ไม่สามารถทำได้คือเรื่องนี้ แต่ละคนก็มีนิสัยไม่เหมือนกัน ความคิดก็ไม่เหมือนกัน เธอเข้าใจไหม? ”
นี่คือการแต่งงาน เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนคนหนึ่ง ไม่ใช่ไปดูช้อปปิ้งเสื้อผ้าที่ห้าง แล้วถามว่าสวยรึเปล่า มันไม่สามารถเอามาเปรียบกันได้ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
“ฉันเข้าใจที่เธอพูด แต่ว่าเธอลองบอกฉันมาก่อน ว่าถ้าเธอเป็นฉัน เธอจะเชื่อเขาไหม? ”
ความจริงแล้ว ยู่ยี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เธออยากจะเชื่อ แต่ว่าก็ลังเล แต่ถ้าไม่เชื่อ สิ่งที่เขาพูดมันก็ดูมีเหตุผล ไม่มีรอยยั่วอะไรเลย สมเหตุสมผลหมด
“ไม่เชื่อ!”เชอร์รีนพูดออกมาช้าๆ “ถ้าเกิดว่าเป็นฉัน ฉันจะไม่เชื่อ……”
“ทำไมละ?”
“ถึงแม้ว่าเรนนี่จะเป็นคนส่งจดหมายพวกนั้นให้เขา แล้วถ้าตามที่เขาพูด ว่ารู้สึกผิดต่อเรนนี่จริงๆ การที่เขาให้เงินเธอมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องค้านเลย แต่ว่าในเมื่อเขาอ่านจดหมายทั้งหมดแล้ว ทำไมเขาต้องล็อกมันไว้ในลิ้นชักด้วยล่ะ? ”
ข้อนี้ เชอร์รีนยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก จดหมายที่อ่านจบแล้ว แต่ไม่เอาไปทิ้ง กลับล็อกไว้ในลิ้นชักแทน มันจำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วยเหรอ?
ถ้าเกิดว่า เขากลัวว่ายู่ยี่จะเจอจดหมายพวกนั้นจริงๆ ทางที่ดีที่สุดของเขาคือโยนจดหมายทิ้งไป ไม่ใช่เหรอ?
“บางทีอาจจะยังไม่ทันได้ทิ้งก็ได้……”ยู่ยี่พูด
เชอร์รีนไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ว่าเธอมองออกว่า ในใจของยู่ยี่อยากจะเชื่อหัสดิน ประโยคนี้เธอก็แค่พูดออกมาเพื่อหาเหตุผลให้ตัวเองเชื่อถือเขาต่อไป
“เชอร์รีน ฉันคบกับเขามา8ปีแล้ว ฉันรอดจากอาถรรพ์7ปีมาแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นเพราะว่าเขาเมามาก แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยมีข่าวฉาวอีกเลย ครั้งนี้ ถ้าเกิดว่าเขาให้เงินเรนนี่มากมายขนาดนั้นเพราะว่ารู้สึกผิดแล้วล่ะก็ ฉันก็อยากจะเชื่อเขา……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง