ได้ยินดังนั้นหัวใจของกนกอรก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ “แล้วตอนนี้ซารางเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ใกล้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
ต่อมากนกอรก็ถามอีกว่า “แล้วองค์ชายล่ะ?”
“ขาของเขาตอนนี้ยังขยับไม่ได้ หมอบอกว่ามีโอกาสเป็นอัมพาตหรือยืนได้อย่างละเท่าๆ กัน” เธอบอกเล่าสถานการณ์จริงโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“อัมพาต?” จักรกฤษมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
ส่วนกนกอรก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน เธอบอกเชอร์รีนว่า “องค์ชายเป็นแบบนี้เพราะช่วยซาราง เขาเป็นคนจิตใจดีและเที่ยงตรง เราต้องไม่ใจร้ายกับเขา!”
เชอร์รีนพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะแม่”
“หลายปีที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับเธอและซารางอย่างไร ฉันกับพ่อของเธอรู้ดีกว่าใคร ไม่ว่าเรื่องใดจะเกิดขึ้นกับเธอก็เหมือนเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง เอาใจใส่มากกว่าพวกเราเสียอีก เขาไม่สนใจเรื่องการหย่าร้างหรือเรื่องที่เธอเคยมีลูกมาก่อน ยังคงปฏิบัติต่อเธอและซารางอย่างบริสุทธิ์ใจ ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ ฉันกับพ่อของเธอก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เธอกับเขา…”
กนกอรนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “นิสัยใจคอของเขา ฉันกับพ่อของเธอมองเห็นทุกอย่าง เขาปฏิบัติกับซารางเหมือนเป็นลูกของตัวเอง เธอจะเลี้ยงซารางไปตลอดชีวิตโดยที่ไม่แต่งงานไม่ได้ เธอกล้ารับประกันไหมว่าคนที่เธอจะแต่งงานในอนาคตจะดีกับซารางเหมือนองค์ชาย?”
จักรกฤษที่ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของลูกสาวเลยยังต้องเอ่ยปาก “พ่อเห็นด้วยกับคำพูดของแม่เธอ! พ่อจะไม่พูดอย่างอื่นนอกจากบอกว่า อย่าเป็นคนใจร้ายใจดำ!”
“ฉันจะพูดอีกอย่างมันอาจจะไม่ค่อยเข้าหูเท่าไรนัก ขาขององค์ชายต่อไปจะเป็นอัมพาต จะคบหากับใครก็ลำบาก แม้องค์ชายจะเป็นคนซื่อตรง จิตใจดี จริงใจ หน้าตาดี แต่ตอนนี้ในความเป็นจริงจะมีผู้หญิงคนไหนยอมรับ? พอเห็นขาขององค์ชาย เธอคิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเต็มใจคบหากับองค์ชายบ้าง?” กนกอรมองไปที่เชอร์รีน แล้วพูดด้วยใจจริง “เชอร์รีน คนเราต้องมีมโนธรรม”
“แม่คะ เรื่องพวกนี้ฉันรู้ดี” สีหน้าของเชอร์รีนดูอึมครึม
ในขณะเดียวกัน ในใจเธอก็รู้ดีว่า คำถามเหล่านี้มันคือความจริง แม้ว่าพ่อแม่จะไม่พูดถึง แต่ในใจของเธอก็เริ่มตัดสินใจแล้ว
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันกับพ่อของเธอก็ไม่ได้บังคับ เธอลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ อีกครั้ง” ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวของตัวเอง กนกอรก็ไม่อยากบังคับเธอจนเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็พอจะมองออกว่า เชอร์รีนกำลังคิดใคร่ครวญคำถามเหล่านี้อย่างจริงจังอยู่ในใจ
เธอเลี้ยงดูเชอร์รีนมาตั้งแต่เด็กจนโต นิสัยใจคอเป็นอย่างไรเธอย่อมรู้ดีกว่าคนอื่น เชอร์รีนจะไม่ทำการตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม
แต่เรื่องไหนที่เธอตัดสินใจแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะมันผ่านการทบทวนตรึกตรองอย่างรอบคอบแล้ว!
สำหรับองค์ชาย เชอร์รีนก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่ความรู้สึกเช่นนั้นมันเป็นความรู้สึกดีที่มีต่อเพศตรงข้าม ไม่ใช่ความชอบ หรือความรัก!
“ฉันก็แค่อยากจะพูดประโยคสุดท้าย ความจริงถ้าคิดดีแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ลงเอยแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แต่พวกเขาก็มีชีวิตอย่างมีความสุขและเบิกบานไม่ใช่เหรอ? บางครั้ง การแต่งงานก็ไม่เกี่ยวข้องกับความรัก”
ประโยคสุดท้าย กนกอรพูดเน้นยำทีละคำอย่างชัดเจน เธอพูดอย่างจริงจังและยิ่งใหญ่
สองชั่วโมงต่อมา เชอร์รีนก็ออกจากบ้านไปโรงพยาบาล กนกอรและจักรกฤษเดิมทีได้วางแผนที่จะไปเยี่ยมซารางและองค์ชายที่โรงพยาบาลด้วย แต่ก็ถูกเธอห้ามไว้ องค์ชายเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ต้องการพักผ่อน
เธอไม่ได้ไปโรงพยาบาลในทันที แต่แวะไปที่ร้านขายอาหารบำรุงร่างกายที่ถนนพีราก่อน ตั้งใจจะซื้ออาหารเสริมไปให้องค์ชายจำนวนหนึ่ง
แม้ว่าสินค้าที่ถนนพีราจะมีราคาแพงมาก แต่มีข้อดีคือจะไม่เจอของปลอมเด็ดขาด
หลังจากที่เดินออกมาจากร้านขายอาหารบำรุงร่างกาย เชอร์รีนก็มองไปที่บรรดาคุณหญิงที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม เธอรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกลมดีจริงๆ
เพราะที่เดินมุ่งหน้าเข้ามาคือสุนันท์
เธอเป็นคนแต่งตัวดี คนที่อยู่ในวัยกว่า 50 ปีแต่พยายามแต่งตัวให้เหมือนอายุ 30 กว่า สวมกระโปรงยาวพู่ระย้า รองเท้าส้นสูงสีเงิน แต่งหน้าประณีตงดงาม
เชอร์รีนเหลือบมองเพียบแวบหนึ่งก็ทำเหมือนไม่เห็นเธอ เธอก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า
สุนันท์ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่คุณหญิงราตรีกลับกล่าวขึ้นมาในเวลานี้ว่า “นี่คือภรรยาของคุณชายออกัสไม่ใช่เหรอคะ?”
ได้ยินดังนั้นบรรดาคุณหญิงสูงศักดิ์ก็มองพิจารณาเชอร์รีนจากหัวจรดเท้า และพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่พ้นเรื่องเธอสวมใส่แบรนด์เนมอะไร ทั้งประจบและสอพลอ
แต่สุนันท์กลับรู้สึกไม่พอใจแล้ว จึงพูดแก้ขึ้นมา “เป็นอดีตภรรยาค่ะ”
ได้ยินดังนั้นสีหน้าของบรรดาคุณหญิงสูงศักดิ์ก็เปลี่ยนไป เริ่มมองพิจารณาด้วยสายตาอีกแบบ
ในสายตามีแววเยาะเย้ยปรากฏขึ้น เชอร์รีนแค่รู้สึกเบื่อหน่าย เธอไม่สนใจและเดินมุ่งหน้าต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง