“หมั้นสองวันก่อน” สุนันท์คิ้วขมวด ในคำพูดมีความไม่พอใจและตำหนิ “ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน แม้แต่เรื่องหมั้นก็ไม่บอกสักคำ จริงๆ เลย!”
“คุณแม่ครับ คุณอายังพูดอะไรอีกไหม” เลอแปงสอดแนม หรือว่าคุณอาไม่ได้พูดถึงพี่ใหญ่เลย
สุนันท์พยักหน้า “พูด อีกสองวันเธอจะพาคู่หมั้นกลับมาด้วยกัน”
มือใหญ่กำกระชับเอกสารอีกครั้ง แต่สีหน้าออกัสกลับมาเป็นปกติแล้ว เสื้อตัวใหญ่พลิ้วไหว เดินตรงไปข้างหน้า
“กัส แกจะไปไหน” สุนันท์จ้องมองแผ่นหลังของเขา หรือว่าเขายังไม่ลืมหยาดฝน
เท้าหยุดก้าว เขาหันหลังมา เลิกคิ้วขึ้น “ห้องน้ำครับ”
จับสังเกตสีหน้าท่าทางของเขา ก่อนที่สุนันท์จะพูดอีกว่า “อาของแกให้ฉันนำข้อความมาให้แก บอกว่าแกไม่เด็กแล้ว ได้เวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว”
ออกัสสีหน้านิ่งสงบ ไม่สามารถมองอารมณ์ที่แท้จริงออกได้ ริมฝีปากบางขยับบางเบา “คุณแม่ครับ ผมไปห้องน้ำก่อน”
ทันทีที่ขายาวก้าวเข้าไปในห้องน้ำ เขาใช้หมัดทุบลงหินอ่อนของอ่างล้างมือ ดวงตาคมเฉียบเย็นเยียบ ยิ้มเย็นชาเย้ยหยัน
หยาดฝน คุณช่างเป็นคนดีจริงๆ!
มือใหญ่ที่มีรอยช้ำเล็กน้อยหยิบเอาโทรศัพท์มือถืออกมา ออกัสเก็บรอยยิ้มที่เย็นชานั้นไว้ กดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจแล้วกดโทรออก
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกกำลังอยู่ระหว่างสายสนทนาในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง......”
กำลังอยู่ระหว่างสายสนทนา?
ดางตาหรี่ลง ออกัสโยนโทรศัพท์มือถือไปบนอ่างล้างมือฝั่งหนึ่ง แล้วยืนพิงผนังจุดบุหรี่สูบ สูดลึกไปหลายรอบ
ยาสูบวนเวียนในลำคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายใน
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอจงใจกดตัดสายแทนที่จะกดรับ!
นำเอาแหวนเพชรที่ประณีตหรูหราออกจากกระเป๋ากางเกงสูท เขาเหลือบมองชั่วขณะเดียว ก่อนจะโยนแหวนเพชรนั้นลงถังขยะ!
แหวนเพชนลงไปในถังขยะโดยไร้เสียง เหมือนกับใบหน้าหล่อเหลาของเขาในขณะนี้ที่สงบนิ่งไร้อารมณ์
หยาดฝนในเมื่อทำแบบนี้แล้ว ก็อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าผมอีกจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น ผมจะฆ่าคุณแน่......
เขาเดินออกจากห้องน้ำไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สุนันท์ยิ้มให้ “ออกัส ลูกสาวของนายกเทศมนตรีกลับประเทศมาแล้ว แม่เคยเจอหลายครั้ง ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี แถมยังสวยราวกับดอกไม้ พรุ่งนี้แกหาเวลาไปเจอหน่อย จากนั้นก็ตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน”
ออกัสพลิกเอกสาร ไม่มีการเงยหน้า แค่พูดว่า “พรุ่งนี้ต้องเปิดการประชุมใหญ่ครับ ไม่ว่าง”
“คุณตาคุณยายของแกก็เคยเจอลูกสาวนายกเทศมนตรีแล้ว และพึงพอใจมาก หาเวลาไปเจอหน่อย จากนั้นก็หมั้น”
สุนันท์พูดจัดการเสร็จสรรพด้วยรอยยิ้ม
ครูริฐาที่ตัวหนาร่างกายอวบอ้วน ขนาดตัวเท่ากับเชอร์รีนสองคนได้ เมื่อฉุดดึงเธอ ก็เหมือนกำลังฉุดดึงเด็กน้อยเช่นนั้น
เมื่อถูกบีบบังคับจนหมดหนทางแล้ว เธอจึงจำยอม พร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนา “พี่ริฐา พวกเราพูดกันไว้ก่อนนะ ฉันไปให้เห็นหน้าก็ออกมาเลยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไปไม่ทันรถไฟ!”
“ตามนั้นเลย”
สุดท้าย เธอก็ถูกครูริฐาฉุดกระชากลากถูมายังร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน
พลันมีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 27-28 ปีเห็นจะได้นั่งติดหน้าต่าง ร่างกายสูงสันทัด หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
เมื่อเดินเข้าไปหา หลังจากที่ครูริฐาพูดแนะนำทำความรู้จักให้แล้ว ชายหนุ่มก็ยื่นมือออกมาอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ คุณครูเชอร์รีน”
ตอนจังหวะที่กำลังยื่นมือออกไปนั้น หางตาของเชอร์รีนกลับเผลอกวาดตาไปเห็นรถยนต์แลนด์โรเวอร์สีดำที่จอดอยู่ด้านนอกโรงเรียน จนร่างกายเกร็งไปทั้งตัว สีหน้าซีดโพลนทันที หายใจติดขัด ณ ช่วงเวลานั้นพอดี ... จนอยากจะหลบเลี่ยง แต่สายตาอันลึกซึ้งก็เพ่งเล็งมองมาแล้ว ทั้งสองคนสบตากัน จนยากแก่การหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว
วินาทีถัดมา เขาหรี่ตาลง พร้อมทั้งสาวเท้าก้าวยาวๆ เดินมุ่งหน้ามายังร้านกาแฟทันที
หน้าอกของเชอร์รีนกระเพื่อมขึ้นอย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งค่อย ๆ กำมือที่อยู่ข้างลำตัวขึ้น
“นั่งสิ ทำไมไม่นั่งสักที?” ครูริฐาจ้องมองเชอร์รีนที่ยืนนิ่งเหมือนก้อนหินอยู่แล้วยื่นนิ่งด้วยสายตาน่าสงสัย
เธอทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของครูริฐา เพราะเธอยืนอยู่ที่เดิมแถมยังไม่ยอมขยับเขยื้อนอะไร ราวกับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง