เพราะถึงอย่างไรนับวันนี้ด้วยแล้ว ไปแค่สองวันเท่านั้น หลังจากที่เชอร์รีนกำชับซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ถึงได้รู้สึกวางใจแล้วพาซารางออกไป
รถคันนั้นยังคงจอดอยู่ตรงข้างแปลงดอกไม้ เห็นร่างของเธอแล้ว ออกัสจึงเดินออกมา : “ขึ้นรถครับ”
นอนบนรถ ผมของเขาและร่างกายของเขาดูจะยุ่งเหยิงอยู่บ้าง เสื้อเชิ้ตมีรอยพับอยู่ไม่น้อย ดวงตาที่ลึกซึ้งนั้นเส้นเลือดแดงบางๆ แต่กลับไม่ได้เป็นการทำลายความหล่อเหลาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“พวกเราไปสถานีรถไฟ ไม่จำเป็นต้องขึ้นรถหรอกค่ะ คนละทางกันเลย”
กลิ่นบุหรี่ที่ส่งออกมาจากร่างของเขา เชอร์รีนย่นจมูกอย่างรู้สึกไม่สบายนัก
“ตั๋วรถไฟของคุณถูกยกเลิกไปแล้ว ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อเรียบร้อยแล้วด้วย ขึ้นเครื่องตอนสิบโมงตรง เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” เขามองเวลา
“คุณมีสิทธิอะไรมาช่วยคนอื่นตัดสินใจโดยพลการแบบนี้?” สีหน้าท่าทางของเธอนิ่งมาก แต่กลับดูกำลังถูกโดนก่อปัญหา
ริมฝีปากบางของออกัสกระตุก เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆและระงับอารมณ์กับคำพูดเอาไว้ : “ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ แต่เป็นดนัยต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจ คุณกลับไปเมืองsก่อนแล้วค่อยไปโมโหเขาก็แล้วกัน”
ได้ยินแล้ว เชอร์รีนก็ไม่มีอะไรจะพูดออกมา เขากลับรับตัวซารางที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอไป แล้วพาเข้าไปนั่งในรถ เธอจึงต้องเดินตามขึ้นรถไปนั่งทางด้านหลังด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซารางไอออกมา มือเล็กๆที่ขาวเนียนนั้นขยี้จมูก : “คุณอา เหม็นมากเลยค่ะ แสบจมูกจัง”
ควันในรถนั้นยังกระจายออกไปไม่หมด แรงยิ่งกว่ากลิ่นบนร่างของเขาเสียอีก และไม่แปลกใจเลยที่ซารางบอกว่าแสบจมูก เชอร์รีนได้กลิ่นแล้วก็อดที่จะจามออกมาไม่ได้ นี่เขาสูบบุหรี่ไปขนาดไหนกันแน่?
เปิดกระจกรถขึ้น น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของออกัสเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยน : “อดทนอีกแป๊ปนึงนะครับ โอเคไหม?”
“คุณอาต่อไปไม่ต้องสูบบุหรี่แล้วได้ไหมคะ หนูไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เลย”
“ได้สิครับ....” เขาตอบรับโดยไม่มีการลังเล
เชอร์รีนเห็นที่เขี่ยบุหรี่ที่ยัดแน่นเต็มโดยไม่ได้ตั้งใจ เชอร์รีนก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว สูบมากขนาดนั้น ก็ไม่แปลกใจแล้ว
ถึงสนามบิน เธอนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ เขาอุ้มซารางเอาแล้วแล้วเดินไปรับตั๋วเครื่องบิน สายตาจากคนรอบข้างโฟกัสมาทางเขาจำนวนไม่น้อย
ตั๋วที่ซื้อนั้นเป็นตั๋วชั้น1 First class ซารางไม่เคยนั่งชั้น1 First classเลยมาก่อน มองไปรอบๆ จับนู่นจับนี่ไม่ต้องพูดเลยว่าเบิกบานใจมากแค่ไหน
แต่ออกัสกลับเอนเบาะแล้วนอน ราวกับว่าดูไม่สบายอยู่บ้าง ใบหน้าหล่อนั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน
แอร์โฮสเตสเดินเข้ามา แล้วเอ่ยถามเขาว่าต้องการดื่มอะไร แต่กลับเห็นเขาหลับตาอยู่นั้น คิดว่าเขาหลับไปแล้ว หลังจากที่เอ่ยถามไปเพียงครั้งเดียว ก็คิดจะเดินออกมา
แต่ใครจะรู้ว่าริมฝีปากบางของเขากระตุกขึ้น แล้วเอ่ยออกมาหนึ่งคำ : “ไวน์”
เชอร์รีนนั่งอยู่ข้างๆเขา เห็นความไม่สบายนี้ของเขาอยู่แล้ว เดิมทีที่ไม่คิดอยากจะถาม แต่เห็นแก่เสื้อคลุมเมื่อวานแล้ว เธอจึงยื่นมือออกไป ร้อนมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นไข้แล้ว อีกทั้งยังไข้สูงมากด้วย แล้วยังจะดื่มไวน์อีก?
“รบกวนเปลี่ยนจากไวน์เป็นน้ำอุ่นแก้วนึงนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยพูดกับแอร์โฮสเตส หลังจากนั้นก็หายาแก้หวัดของเด็กในกระเป๋าที่เอาติดตัวมาด้วยโยนไปที่ร่างของเขา
“หม่ามี๊ คุณอากินยาของหนูได้เหมือนกันเหรอคะ?” ซารางกระพริบตา
ได้ยินแล้วนั้นดวงตาเรียวก็ค่อยๆหรี่มอง ตอนที่เหลือบมองยาแก้หวัดของเด็กที่อยู่บนขาของตัวเองนั้น คิ้วของออกัสก็ขยับอยู่บ้างเล็กน้อย ร่างสูงลุกขึ้นมานั่ง แล้วเปิดยาแก้หวัดของเด็ก แล้วกินไปสองซองภายในครั้งเดียว
แอร์โฮสเตสเห็นผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้ากินยาแก้หวัดของเด็กแบบนั้นแล้วก็อดที่จะชะงักไปบ้างไม่ได้ แต่ท่าทางการกินยาของเขานั้นเซ็กซี่มากจริงๆ
เสื้อพันขึ้นจนถึงแขน ลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลง แขนที่ถือแก้วน้ำอยู่นั้นมีลายเส้นที่สวยงาม เส้นเลือดผุดขึ้นมาเล็กน้อย
มองดูเขาดื่มยาแล้ว สายตาของเชอร์รีนมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง