ตอน บทที่ 216 ฉันว่า เขาบ้าไปแล้ว จาก ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 216 ฉันว่า เขาบ้าไปแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง ที่เขียนโดย candy cat เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ซารางนั้นยังเด็กเกินไป ไม่เข้าใจแนวโน้มความคิดของผู้ใหญ่ กินเพียงแค่สตอเบอร์รี่เท่านั้น : “หนูมีคุณอาหลายคน ไม่มีคุณพ่อค่ะ”
“ดูแล้วคงจะเป็นลูกนอกสมรสจริงๆ ชีวิตของอดีตภรรยาของประธานออกัสนี่ดูจะไม่มีความยับยั้งเหมือนอย่างที่เขาว่ากันไว้เลยนะครับ เด็กคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนใคร”
ในใจของเชอร์รีนนั้นกำลังลุกเป็นไฟ มองนักข่าวคนนั้นอย่างเย็นชา เวลานี้ ร่างสูงเดินเข้ามา ในมือของออกัสถือเหล้าอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองนักข่าวตรงหน้าอย่างเยือกเย็น : “เมื่อกี้คุณพูดว่าลูกนอกสมรสอะไร ไหน พูดอีกทีสิ เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัด.....”
น้ำเสียงไม่หนัก แต่กลับอดทำให้รู้สึกเย็นจนตัวสั่นไม่ได้
“มองไม่ออกว่าลูกของผมเหมือนใคร เหอะ ดูแล้วสายตาของคุณจะมีปัญหาไม่น้อยเลยนะ” ก้มตัวลงแล้วอุ้มซารางขึ้นมา เสียงเย็นชาของเขาดังออกมาจากริมฝีปากบาง
คนที่อยู่รอบๆเห็นแล้วนั้น เด็กเหมือนกับประธานออกัสอยู่จริงๆ
เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของออกัสก็มองอยู่ที่พวกบรรดานักข่าว ดวงตาหรี่ลง น้ำเสียงเย็นชา แล้วก็เอ่ยพูดขึ้น
“ในเมื่อสื่อนักข่าวอยู่กันมากขนาดนี้ ผมขอประกาศเรื่องหนึ่งนะครับ ซารางคือลูกสาวแท้ๆของผม แล้วก็หุ้นส่วนของสิริไพบูรณ์กรุ๊ปในชื่อของผม ครึ่งหนึ่งก็จะโอนให้อยู่ในชื่อของเธอ รอให้เธอโตก่อนก็จะมีผลทันที”
ได้ยินแล้ว เชอร์รีนก็รู้สึกตกตะลึงไป แววตาจ้องมองเขา แล้วขมวดคิ้วขึ้น เขารู้หรือเปล่าว่าเขากำลังพูดอะไรออกมา?
ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีสีหน้าที่เย็นชา ทุกๆคำพูดของเขานั้นให้ความรู้สึกน่าเกรงขามที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้
ส่วนนักข่าวเหล่านั้นก็ยิ่งฮือฮามากขึ้น หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ ข่าวใหญ่ขนาดนี้จะต้องทำให้พวกเขาพากันรับมือไม่ทันแน่ๆ และจะเป็นพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้ กลบเรื่องงานแต่งงานของลูกชายตระกูลเตชะโสภาอย่างแน่นอน
หุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของสิริไพบูรณ์กรุ๊ป นั่นคือหุ้นส่วนที่ไม่น้อยเชียวนะ!
ดนัยส่ายหน้า คุณชายใหญ่ออกัสไม่พูดก็ดึงดูดความสนใจจากสื่อได้มากแล้ว แต่นี่พอเขาแสดงออกมา งานแต่งงานของเขาที่เป็นที่น่าสนใจก็ได้ถูกเขาแย่งไปแล้ว!
ทางด้านนี้
บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์
สุนันท์กำลังดูถ่ายทอดสดจากงานแต่งงานอยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ จนกระทั่งหลังจากได้ยินเรื่องข่าวระเบิดนี้แล้ว จู่ๆเธอก็รู้สึกหายใจลำบากขึ้นมา รู้สึกอึดอัดตรงหน้าอก
สรุปแล้วเขาทำอะไรกันแน่? หุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของสิริไพบูรณ์กรุ๊ปจะเอาให้เด็กนั่น? เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการสิทธิการเลี้ยงดูบุตรแล้วหรอกหรือ แล้วนี่จะทำอะไรอีก? เห็นผู้หญิงสารเลวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาแล้ว สุนันท์ก็รู้สึกโมโห ตอนนี้ในใจของเธอก็คงจะดีใจเหมือนกับดอกไม้บานไปแล้วสินะ?
หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เธอกดหมายเลขแล้วโทรออก แต่ซักพักหนึ่งก็มีคนรับสาย
“หยาดฝน เธอยังอยู่ที่อเมริกาหรือเปล่า? รีบกลับมาเถอะ ออกัสบ้าไปแล้ว!”สุนันท์เอามือทุบหน้าอกตัวเองด้วยความโมโห
“ทำไมหรือคะพี่สะใภ้?”เสียงของหยาดฝนนั้นเหมือนกับเมื่อสามปีก่อน ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
“เธอรีบกลับมาเถอะ ไม่อย่างนั้นออกัสจะต้องถูกผู้หญิงสารเลวคนนั้นแล้วก็จิ้งจอกตัวน้อยนั่นดึงดูดไปโดยไม่เหลือแม้แต่จิตวิญญาณแน่ๆ ไม่คิดว่าเขาจะเอาหุ้นครึ่งหนึ่งของสิริไพบูรณ์กรุ๊ปให้กับเด็กนั่น เขาไม่ได้บ้าไปแล้ว แล้วมันคืออะไรกัน?”
บ้าไปแล้วจริงๆ! สุนันท์รู้สึกเวียนศีรษะตาลาย ดูไม่ค่อยดีนัก บ้าแล้ว ออกัสบ้าไปแล้ว!
หุ้น50%! นั่นคือหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของสิริไพบูรณ์กรุ๊ปเชียวนะ!
เธอไม่อยากจะเอ่ยพูดถึงเรื่องนี้กับหยาดฝน แต่ นอกจากหยาดฝนแล้ว ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์เธอก็หาใครจะพูดด้วยไม่ได้แล้ว
ถ้าหากเรื่องนี้พูดกับเลอแปง เขาจะต้องไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากอย่างแน่นอน แต่กลับจะรู้สึกว่าที่พี่ชายของเขาทำนั้นถูกต้องแล้วอีกด้วย ทำได้ดีแล้ว!
สุนันท์ไม่เคยลืมว่าเมื่อสี่ปีก่อนเป็นเพราะผู้หญิงสารเลวคนนั้น เลอแปงถึงได้ทะเลาะกับเธอจนเฉยเมยแบบนั้น ตอนนี้ผ่อนคลายลงมาอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ก็ไม่อยากจะให้ถูกทำลายลงอีกครั้ง
ส่วนออกัส ก็ยิ่งจะไม่ฟังคำพูดของเธอ ดังนั้น คนที่เธอสามารถพูดด้วยได้นั้นก็มีเพียงแค่หยาดฝนเท่านั้น
“พี่สะใภ้คะ ท้ายที่สุดแล้วก็คือลูกสาวของเขา หลานสาวของพี่ เอาหุ้นให้เธอ ไม่ได้เอาให้คนนอกเสียหน่อย พี่ไม่จำเป็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย”
หลักจากที่เสียงหยุดชะงักลงซักพักหนึ่งแล้ว เสียงของหยาดฝนถึงได้ดังขึ้นมาจากทางโทรศัพท์
“ฉันยังไม่ได้ยอมรับว่าเธอเป็นหลานสาวของฉัน ออกัสเองก็ไม่ได้วางแผนว่าจะแย่งสิทธิการเลี้ยงดูเด็กนั่นมาด้วย แบบนี้หุ้นส่วน50%ก็เท่ากับว่าต้องยกให้นังผู้หญิงสารเลวนั่นด้วย ตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
สุนันท์เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจ หยาดฝนทำไมถึงได้โง่และใสซื่อแบบนี้กัน?
“ช่างเถอะไม่พูดถึงแล้ว เธอบอกฉันมาก่อนว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ตอนนี้ในมือยังมีคดีที่ต้องจัดการอยู่สองสามคดี ถ้าหากกลับไป คาดว่าจะต้องรออีกซักพักนึงเลยค่ะ”
ได้ยินแล้ว สีหน้าของสุนันท์ก็เปลี่ยนไป พลางเอ่ยขึ้น : “ฉันจะเตือนเธอเอาไว้นะ ช่วงนี้ ออกัสไปอยู่ใกล้เด็กนั่นมาก เธอก็พิจารณาเอาเองแล้วกัน ฉันวางสายแล้ว.....”
โรงแรม
จากนั้นกล้องถ่ายรูปก็กระหน่ำถ่ายรูปซาราง แสงที่แสบตานั้นทำให้ซารางลืมตาไม่ขึ้น
ตั้งแต่เด็กจนโตมาถึงตอนนี้ ซารางเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้เสียที่ไหนกัน เธอรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ร่างเล็กๆซุกอยู่ในอ้อมกอดของออกัส แขนเล็กๆกอดคอของเขาเอาไว้
และท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็ว เดิมทีช่วงเวลาที่ต้องปลุกห้องเจ้าสาว ริมฝีปากบางของออกัสกระตุก พลางเอ่ยขึ้น : “ยังต้องขับรถ เลี่ยงดื่มเหล้าดีกว่านะ”
“เวลานี้แล้วนายยังจะมาแสร้งทำอะไรอยู่อีก ครึกครื้นขนาดนี้ เป็นคืนวันแต่งงานของฉันเชียวนะ นายจะดื่มหรือไม่ดื่ม?”ดนัยมองเขา
ทำไมเขารู้สึกว่าเวลานี้ตัวเองเป็นเหมือนคนเลวที่ทำความผิดเลยอย่างไรอย่างนั้น คนอื่นไม่เล่น แต่เขากลับต้องมาให้คนอื่นเล่นด้วย สู้รีบไล่พวกเขาให้ไปกันให้หมด หลังจากนั้นก็ถึงช่วงเช้าแล้ว
“ในเมื่อนายออกปากขอร้องฉันแบบนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับปากอยู่แล้ว เพียงแต่ นายอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน.....”
“………..”ดนัยตัวสั่นขึ้นมา เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
ส่วนหัสดินนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วมองมา ไม่ได้เล่นหนักเหมือนเมื่อก่อน หลังจากนั้นพักหนึ่งถึงได้เอ่ยพูดขึ้นมา : “ฉันเองก็หวังว่าทางที่ดีที่สุดนายก็อย่ามาเสียใจทีหลังเหมือนกัน”
พวกผู้ชายปลุกห้องเจ้าสาว เชอร์รีนกับยู่ยี่นั่งรออยู่ข้างนอก
และเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโซฟานั้นก็ดังขึ้น เชอร์รีนมองยู่ยี่ : “โทรศัพท์น่ะ”
มองแวบหนึ่งแล้ว เป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก ยู่ยี่ไม่รับสาย เพียงแค่มองดูเท่านั้น และสุดท้ายสายนั้นก็วางสายไป
เชอร์รีนขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจพลางมองเธอ : “ทำไมไม่รับล่ะ?”
“โทรศัพท์มือถือของหัสดินน่ะ ตั้งแต่เรื่องจดหมายครั้งที่แล้ว พวกเราก็สร้างกฎเอาไว้ ว่าจะไม่เช็คของใช้ส่วนตัวของกันและกัน รวมทั้งรับสายแล้วก็อ่านข้อความด้วย ในเมื่อรับปากแล้ว ก็จะต้องทำตามให้ได้ นี่คือหลักการในการดำเนินชีวิตของฉัน”
เพียงแค่เป็นเรื่องที่รับปากคนอื่นเอาไว้ ก็จะต้องทำให้ได้ นี่คือนิสัยของยู่ยี่ เธอปลิ้นปล้อนไม่เป็น เรื่องที่สามารถทำได้ก็จะไม่ปฏิเสธเป็นอันขาด ถ้าหากทำไม่ได้ก็จะปฏิเสธออกมาต่อหน้าแบบนั้น
“เธอยังอยากที่จะให้ชีวิตการแต่งงานเป็นแบบนี้ต่อไป”เชอร์รีนมองออก เธอคิดว่าบางทีหัสดินก็จะเป็นเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนแบบนั้น
“ถึงแม้จะยังไม่ได้บอกเขาถึงเรื่องลูก แต่ฉันคิดว่าจะรักษาชีวิตการแต่งงานนี้เอาไว้ การแต่งงานที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สามารถหาคนที่ตัวเองรักจากท่ามกลางผู้คนมากมายได้ อีกทั้งคนที่ตัวเองรักก็เป็นพรมลิขิตแบบหนึ่งด้วย ฉันอยากจะพยายามดู” ยู่ยี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่งดงาม
ยู่ยี่เมื่อก่อนนั้นสดใส ร่าเริง เต็มไปด้วยพลัง แต่เธอในตอนนี้ โตขึ้นแล้วจริงๆ
นาโนเป็นคนเปิดเผย เธอไม่ได้หวาดกลัวกับการปลุกห้องเจ้าสาวอยู่แล้ว เธอใจกว้าง ไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งเจตนาที่จะยั่วยวนอีกด้วย หลังจากที่สองสามคนนั้นทำให้ดนัยนอนอยู่ทางด้านบนโดยไม่ไหวติงแล้ว ถึงได้ออกไปอย่างพอใจ
ดนัยด่าสบถออกมาอย่างหยาบคาย แม่ง อย่างโหดเลย!
ทั้งสี่คนเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน ซารางเองก็เล่นจนเหนื่อยแล้ว ถูกออกัสอุ้มเอาไว้ แล้วทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของหัสดินก็ดังขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง