การรักษาความปลอดภัยในที่รับรองทหารนั้นเข้มงวดมาก ต้องผู้ที่ถือบัตรเท่านั้นที่จะสามารถเข้าออกได้ ที่ลานจอดรถมีรถจอดอยู่เต็มลาน ทอดมองไป มองไม่เห็นหัวแถวของรถเลย
เมื่อเห็นดังนั้น เชอร์รีนก็เกิดลังเล เธอไม่อยากจะเจอสุนันท์ แต่สุนันท์ก็ต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
แต่ตอนนี้มายืนอยู่ที่หน้าประตูของที่รับรองทหารแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เข้าไป ไม่ใช่เหรอ ?
จูงมือซาราง เธอเดินมาถึงที่หน้าคฤหาสน์ พวงหรีด ถูกวางทอดยาวจากหน้าประตูไปถึงยังห้องโถง คนที่เข้าๆออกๆต่างมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย เคร่งขรึม และเป็นคนมีหน้ามีตาและมีชื่อเสียง
สูดหายใจลึกๆ เดินมาที่หน้าประตู ก็เห็นสุนันท์ที่สวมชุดสีดำยืนอยู่ ดวงตาบวมและแดงก่ำ ข้างๆมีหยาดฝนยืนอยู่ และคอยประคองเธอไว้
เดินเข้าไปหา ท่าทีเชอร์รีนสุภาพเรียบร้อย โค้งคำนับให้ “ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ”
เมื่อเห็นเป็นเชอร์รีน สีหน้าของสุนันท์ก็เปลี่ยนทันที จ้องเขม็งมองเธอ“ใครให้เธอมาที่นี่ ไปเลยนะ ที่นี่ไม่ต้องการความเสแสร้งจอมปลอมของเธอ !”
“มีคนมาแจ้งเรื่องงานศพ ฉันก็เลยมาเพื่อไว้อาลัย คุณคิดมากไปแล้ว”เชอร์รีนกล่าว“จุดสนใจของคุณไม่ควรมาอยู่ที่ฉัน ในวันนี้ ”
งานในวันนี้ เธอต้องคอยดูแลทักทายบรรดาแขกเหรื่อ ไม่ใช่พออ้าปากได้ก็จะหาเรื่องกันแบบนี้
“ฉันขอพูดอีกครั้ง ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ ไปซะ!” สุนันท์กดเสียงต่ำ“ มีคนไปแจ้งข่าว ? เธอคิดว่าจะมีใครไปแจ้งข่าวให้เธอกัน?”
เชอร์รีนกำลังจะตอบกลับ เสียงที่ทุ้มต่ำก็ดังขึ้น “ผมเอง”
จากนั้น ร่างที่สูงใหญ่ของออกัสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนทั้งสอง ไม่เจอกันหลายวัน หนวดเคราของเขาก็ขึ้นเป็นตอ สวมใส่ชุดสูทสีดำ เส้นเลือดฝอยในตาปรากฏชัดเจน ท่าทีอ่อนเพลีย ราวกับไม่ได้นอนมาเป็นเวลานาน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความหล่อเหลาของเขาเลย
สุนันท์จ้องเขม็ง ออกัสกลับมองเลยเธอ อุ้มซารางขึ้นมา และพูดกับเชอร์รีนว่า “ไปกันเถอะ”
พยักหน้าให้ เชอร์รีนก็ไม่ได้หันมองสุนันท์อีก เดินตามหลังเขา ที่ตรงห้องโถงคนที่มาเคารพศพนั้นมีจำนวนมาก แทบไม่หยุดหย่อนเลย
สุนันท์ยังคงจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของเธอ ขณะที่สายตาของหยาดฝนกลับมองไปที่ทั้งสองคน จ้องมองดูพวกเขา
โค้งคำนับให้กับรูปขาวดำหน้าโลงศพ รูปถ่ายขาวดำของคุณหญิงมัทนานั้นมีอารมณ์แจ่มใสมาก ใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอมองซาราง พูดเสียงเบา“สวัสดียายทวดสิลูก”
แม้จะไม่ได้ยิน แต่มันก็เป็นความจริงใจ เธอหวังว่า เขาจะรับความจริงใจนี้ไว้
ซารางกะพริบตาปริบๆ แต่ก็เชื่อฟัง น้ำเสียงสดใส เอ่ยเรียกเสียงเบา“สวัสดีค่ะยายทวด”
เลอแปงก็เห็นคนทั้งสองด้วยเช่นกัน เขาเองก็ดูล้ามาก เดินเข้ามาหา พาเชอร์รีนไปที่ห้องข้างๆ“รีบมากันขนาดนี้ คงเหนื่อยแย่ พักก่อนนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันกับซารางจะนั่งอยู่ตรงนี้ คุณไปทำงานของคุณเถอะ ไม่ต้องมาคอยดูแลเราหรอก ”
เขาออกไปได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ออกัสเดินเข้ามา นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาดึงเนกไทที่ผูกตรงคอออก
หลังจากนั้น เขาก็นั่งลงบนโซฟา เชอร์รีนยังไม่ได้สติ ท่อนแขนแกร่งรวบร่างเธอมาไว้ในอ้อมกอด ฝังใบหน้าลงบนต้นคอขาวที่หอมกรุ่นของเธอ
การกระทำของเขาทำเธอตกใจมาก เธอขัดขืน แล้วดิ้นขยับไปมา ออกัสก็กระชับแขนที่กอดเธอให้แน่นขึ้น“อย่าขยับ ขออยู่แบบนี้ก่อน ขอผมกอดคุณหน่อย แค่แป๊บเดียวก็พอ”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ต่ำจนราวกับมีเสียงสะท้อน และคำพูดก็เหมือนจะร้องขอไปด้วย……
เมื่อได้ยินคำพูดที่ร้องขอของเขา หัวใจของเชอร์รีนก็กระเพื่อมไหว ไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป
ความผูกพันของเขากับคุณหญิงมัทนาเธอเห็นมันมาตลอด เธอรู้สึกได้ ในหมู่ของญาติพี่น้อง เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณหญิงมัทนามากที่สุดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง