รถยนต์เคลื่อนตัวทะยานไปบนถนนอันคดเคี้ยว ผ่านไปชั่วครู่ จึงจอดสนิท
รถยนต์ของเลขาเตโชก็มาถึงพอดี เขาลงจากรถ และยื่นของขวัญสองกล่องให้เธอ
เธอได้แต่แอบถอนใจอยู่ในใจ การทำงานของเลขานุการของบริษัทยักษ์ใหญ่เป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพไร้การเทียบเคียง!
เมื่อผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่เข้ามาแล้ว ทั้งสองคนเดินตามหลังต้อย ๆ เข้าไปในวิลล่าสีขาว
เพิ่งจะอยู่ตรงทางเข้าประตูเท่านั้นเอง ก็ได้ยินเสียงโกรธเคืองกราดเกรี้ยวดังลั่นมาแต่ไกล “ไอ้เวรมันกล้าทรยศการแต่งงานของฉัน! มันกล้าทรยศการแต่งงานของฉัน! รอมันกลับมา เดี๋ยวรอดูว่าฉันจะจัดการตีขามันให้หักไปเลย!”
“พ่อ เดี๋ยวออกัสก็มาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นก็ถามเขาเองก็ยังไม่สาย พ่ออย่าทำให้ร่างกายตนเองต้องโมโหจนล้มป่วยไปเลย”
เสียงผู้หญิงแสนอ่อนโยนนุ่มนวล สุนันท์นั่นเอง
เช่นนั้น เสียงผู้ชายที่เป็นเจ้าของบ้านก็คือคุณตาของเขาเหรอ?
แค่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าเขากำลังระเบิดอารมณ์อย่างแรงกล้า เชอร์รีนตัวสั่นทันที
“คุณตาจะตีขาผมให้หักเลยเหรอ?” น้ำเสียงทิ้งท้ายอันยั่วเย้าปนขี้เกียจ ออกัสจัดการโยนกุญแจรถไว้บนโต๊ะทันที
เมื่อได้ยินดังนั้น คนที่ใส่ชุดทหารอยู่ ไกรวิทย์ที่ผมดอกเลาก็หันตัวกลับมาทันที พลางใช้สายตาอันโกรธเคืองตะคอกใส่เสียงแข็ง “แถวตรง!”
ออกัสไม่ได้สนใจอะไรเลย พลันถอดเสื้อกันหนาวขนแพะแคชเมียร์บนตัวออก และแขวนไว้ที่ชั้นแขวนเสื้อบริเวณด้านข้าง
แต่เชอร์รีนที่ได้ยินและอยู่ด้านหลังของเขา กลับทำท่าแถวตรงตามสัญชาตญาณทันที ยืนอย่างตรง ขาดแค่ทำความเคารพเท่านั้นเอง
ลักษณะของไกรวิทย์เหมือนเป็นครูฝึกในโรงเรียนที่สุด เธอทำตามนั้น ซึ่งไม่สามารถควบคุมตนเองได้
ออกัสยิ้มเล็กน้อย พลันยื่นมือไปโอบคนร่างกายเพรียวระหงที่ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้นเข้าสู่อ้อมกอด จากนั้นก็มองมายังไกรวิทย์ พลันเลิกคิ้วขึ้น “คุณตา คุณตาทำให้เธอตกใจอยู่นะ...”
เมื่อได้สติกลับมา เธอถึงได้รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตนเองทำอะไรลงไป พลันเอนแนบกับแผงอกอันกว้างหนาของเขา กระทั่งเธอรับรู้ถึงอาการหัวเราะพร้อมทั้งขยับเขยื้อนเล็กน้อยของเขา
ใบหน้าร้อนผ่าว เธอรู้สึกว่าตนเองน่าขายหน้าชะมัดจริง ๆ ด้วยความเครียดจากอาการเขินอายพลางกระทืบเท้าเขาไปหนึ่งที...
อากัปกิริยาตอบโต้กลับของเชอร์รีนทำให้ไกรวิทย์พึงพอใจมาก การเป็นทหาร เขาย่อมชอบออกคำสั่งกับบรรดาพลทหารอยู่แล้ว
หัวคิ้วอันงดงามของสุนันท์ย่นหากันเล็กน้อย พลางพินิจพิจารณาเชอร์รีนอยู่เงียบๆ “ออกัสคนนี้คือใคร?”
ออกัสหรี่ตาลงเล็กน้อย นิ้วมือเรียวยาวปัดเส้นผมที่อยู่ปะปลายแก้มทั้งสองข้างของเธอออก จากนั้นก็บีบปลายจมูกของเธออย่างสนิทสนมทันที “นี่ยังไม่ทักทายผู้ใหญ่อีกเหรอ?”
ความสนิทชิดเชื้อที่มาอย่างกะทันหันมันทำให้หัวใจของเชอร์รีนเต้นโครมคราม จากนั้น เธอก็ขยับริมฝีปากบาง พลันเปล่งเสียงเรียกเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วน “คุณแม่…”
“หนูจ๊ะอย่าเรียกคนสุ่มสี่สุ่มหน้า เท่าที่ฉันจำได้ฉันไม่เคยมีลูกสาว...”
สุนันท์ทำเสียงเย็นชาใส่ พร้อมทั้งมองเชอร์รีนอย่างไร้ความรู้สึก และไม่แสดงอาการใดๆ ออกทางสีหน้าสักนิด
คำพูดเช่นนี้ ทำให้เชอร์รีนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งน่าอายและเขินอายอย่างมาก
“แม่ แม่ไม่มีลูกสาว ส่วนเธอก็ไม่ใช่ลูกสาวของแม่ด้วย ไม่งั้น เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องเธอก็ต้องเรียกผมว่าแด๊ดดี้ หรือควรจะเรียกผมว่าน้าดีล่ะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าอันสวยงามของสุนันท์ตกใจจนเห็นได้ชัด “เจ้าตัวน้อย?”
ไกรวิทย์ก็หันตัวกลับมา คิ้วเข้มๆ ย่นเข้าหากัน น้ำเสียงดูไม่มีความสุข “กี่เดือนแล้ว?”
“1 เดือน...” ออกัสขยับริมฝีปากบางๆ น้ำเสียงดูไม่สนใจอะไร แต่ตอนที่มองมาที่ร่างกายของเชอร์รีนนั้น กลับอ่อนโยนเหลือเกิน “เหนื่อยไหม? ไปนั่งสักพักไหม?”
ดวงตาอันลึกซึ้งนั่นราวกับซ่อนสายใยแห่งความรัก ความเสน่หา และความลุ่มหลง
เฉกเช่นเดียวกัน ที่ตรึงเชอร์รีนอยู่ในอ้อมกอดนั้น ถ้าไม่รู้เหตุการณ์ที่เป็นอยู่ด้วย เธอก็คงคิดว่าเขารักเธอมากแน่ ๆ
เขา ช่างเป็นนักแสดงฝีมือยอดเยี่ยมดีจริง ๆ ...
พลันจ้องตาอันสื่อความหมายของเขาแล้ว เธอค่อยๆ ตกอยู่ในหลุมพราง พลางส่ายหน้าทันที “ไม่เหนื่อยค่ะ”
“นี่คุณ ฉันขอคุยกับคุณสักหน่อยได้ไหม?” สุนันท์กลับมาเป็นคนที่สูงส่งและสง่างามอย่างเก่า
“คุยกันต่อหน้าผมนี่แหละ มันไม่ดีกว่าเหรอ?” ออกัสมองมาที่สุนันท์ เหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาเริ่มพูดต่อทันที “อีกยอ่าง เมื่อวานนี้พวกเราได้จดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว...”
สุนันท์ ไกรวิทย์หน้าถอดสี จนเปลี่ยนเป็นย่ำแย่มาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง